นายพงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส (PPS) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด -19 ในช่วงครึ่งปีแรก แม้ว่าโครงการก่อสร้างยังคงสามารถดำเนินต่อไปได้ แต่บริษัทได้รับผลกระทบในเรื่องข้อจำกัดเวลาการทำงาน มาตรการฉุกเฉินของภาครัฐ รวมถึงนโยบายควบคุมการเข้าออกพื้นที่ในบางจังหวัด ซึ่งบริษัทได้ปรับแผนการก่อสร้างร่วมกับเจ้าของงาน ผู้รับเหมา เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำให้การก่อสร้างดำเนินงานต่อไปได้ตามแผน
ดังนั้น ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง จากสถานการณ์ช่วงโควิดคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเนื่องกับลูกค้าโครงการภาคเอกชนที่เป็นลูกค้าหลัก ทำให้โครงการที่จะออกมาในระยะนี้น่าจะเป็นงานของภาครัฐบาลที่เริ่มทยอยลงทุนโครงการตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและคุณสมบัติของบุคลากรที่ไม่เหมือนกับลูกค้าภาคเอกชน บริษัทจึงเตรียมความพร้อมจัดหาบุคลากรใหม่และพัฒนาศักยภาพของพนักงานเดิม เพื่อสร้างโอกาสเพิ่มเติมในการรับงานทั้งในโครงการเมกะโปรเจ็คต์และงานกลุ่ม EEC
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับงานโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐและเอกชนเมื่อปลายปี 62 ซึ่งเริ่มดำเนินการตามแผนงานก่อสร้างในไตรมาส 2/63 อีกทั้งได้รับงานโครงการใหม่จากการขยายสาขาของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 530 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 68
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/63 (บริษัทแจ้งขอผ่อนผันในช่วงประกาศงบไตรมาส 1/63) มีรายได้รวม 107.72 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 130.41 ล้านบาท จำนวน 22.69 ล้านบาท หรือลดลง 17.40% และมีขาดทุนสุทธิ 8.18 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.89 ล้านบาท จำนวน 20.07 ล้านบาท
ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลง เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ที่มีอยู่เดิมของบริษัทเริ่มเข้าสู่ช่วงการส่งมอบงาน โดยบริษัทมีค่าใช้จ่ายบริหารเพิ่มขึ้นจากค่าเช่าและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการขยายพื้นที่สำนักงาน ค่าใช้จ่ายในการศึกษาโครงการอสังหาริมทรัพย์ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ และการเพิ่มพนักงาน นอกจากนี้บริษัทได้บันทึกผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมสินทรัพย์ทางการเงินอื่นจำนวน 4.92 ล้านบาท