นายไลโอเนล ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไรมอน แลนด์ (RML) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งยอดขายครึ่งหลังปีนี้ที่ระดับ 1.5 พันล้านบาท สูงกว่าครึ่งปีแรกที่ทำยอดขายได้ 1.3 พันล้านบาท ทำให้ทั้งปี 63 คาดว่าจะทำยอดขายรวมได้ 2.8 พันล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังคงเดินหน้าขายโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว และโครงการที่ได้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้แก่ โครงการ The Lofts Silom โครงการ The Estelle Phrom Phong โครงการ TAIT12 และโครงการ The Lofts Ratchathewi ซึ่งบริษัทจะทำแคมเปญการตลาดกระตุ้นการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างยอดขายให้ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ แม้ว่าบริษัทจะเลื่อนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมที่สุขุมวิท 38 ออกไป 1 โครงการ มูลค่า 7 พันล้านบาทก็ตาม
ด้านรายได้ปีนี้คาดว่าจะเป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2.5-3 พันล้านบาท โดยจะมีรายได้จากการโอนโครงการอยู่ในสต็อก ซึ่งเป็นโครงการพร้อมอยู่ โดยเฉพาะโครงการ The Lofts AsokeThe Diplomat 39 โครงการ The Diplomat Sathorn โครงการ The River และโครงการ Unixx ซึ่งเป็นโครงการที่จะสร้างรายได้เข้ามาให้กับบริษัทได้ทันที ช่วยเพิ่มกระแสเงินสดและสภาพคล่อง และยังมีการทยอยโอนมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่กว่า 8.3 พันล้านบาท เข้ามาส่วนหนึ่งในช่วงครึ่งปีหลังนี้
นอกจากนี้ยังมีการทยอยโอนโครงการใหม่ 1 โครงการ เพิ่มเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คือ โครงการ The Lofts Silom มูลค่า 3.5 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดขาย 75% แล้ว และมีการโอนไปแล้ว 35% ซึ่งบริษัทตั้งเป้าปิดการขาย 100% ของโครการดังกล่าวในสิ้นปี 63 และตั้งเป้ามียอดโอนในสิ้นปีนี้ 50% ซึ่งปัจจุบันบริษัทถือว่าลูกค้าเริ่มทยอยโอนมากขึ้น และในส่วนของลูกค้าต่างชาติที่ซื้อโครงการ The Lofts Silom ซึ่งมีสัดส่วน 40% ของลูกค้าทั้งหมดที่ซื้อโครงการนั้น บริษัทยังคงต้องรอให้ประเทศไทยกลับมาเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติกลับมาโอนได้ แต่หากลูกค้าชาวต่างชาติรายใดมีคนรู้จักที่อาศัยในประเทศไทย บริษัทก็ได้อำนวยความสะดวกในการโอนด้วยการมอบอำนาจได้ ผ่านกระบวนการ Lotary Proxy เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถโอนได้อย่างสะดวก
อย่างไรก็ตามสำหรับสถานการณ์โควิด-19 ที่กระทบต่อทุกภาคส่วน และกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงมีผลกระทบมาถึงบริษัทด้วย ส่งผลให้บริษัทจะมีการปรับเป้าหมาย 5 ปี ที่เดิมตั้งเป้ารายได้ไว้ 1 หมื่นล้านบาท จะต้องมีการทบทวนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งบริษัทจะต้องรอผลการดำเนินงานในปี 63 ออกมา และหลังจากนั้นจะทบทวนแผนใหม่ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงก.พ.64
ขณะที่แนวโน้มของตลาดคอนโดมิเนียมระดับลักช์ชัวรี่มองว่าได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากโควิด-19 เนื่องจากกลุ่มลูกค้าระดับบนส่วนใหญ่ยังมีกำลังซื้อสูง และการแข่งขันของตลาดคอนโดมิเนียมลักซ์ชัวรี่ระดับราคา 80,000-110,000 บาท/ตารางเมตร มีการแข่งขันที่ไม่รุนแรง และการปรับลดราคาขายน้อยมากเพียงแค่ 2-3% เท่านั้น ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ยังมีศักยภาพ และเป็นตลาดที่ยังสามารถขายได้อย่างต่อเนื่อง จากกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อในประเทศที่เข้ามาชดเชยลูกค้าชาวต่างชาติได้บางส่วน ซึ่งเป็นผลบวกให้กับบริษัท