บมจ.ทราฟฟิกคอร์นเนอร์โฮลดิ้งส์(TRAF)คาดว่าจะได้เห็นทิศทางธุรกิจใหม่อย่างชัดเจนในไตรมาส 4/50 ว่าจะยังเน้นการทำธุรกิจสื่อต่อไปหรือไม่ หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการเพิ่มทุนขายให้กับพันธมิตรใหม่ทั้ง 2 รายในไตรมาส 3/50 โดยผู้ร่วมทุนอาจจะเข้ามาร่วมบริหารงานด้วย
สำหรับผลงานปีนี้น่าจะพลิกมามีกำไรได้หลัง 2 ไตรมาสที่ผ่านมาเริ่มมีกำไรจากที่เคยขาดทุนในปีก่อน และแนวโน้มครึ่งปีหลังยังดีต่อเนื่องหลังได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอล"กัลโช่ เซเรอา 2007"ของอิตาลี ซึ่งมีจำนวนแมตซ์มากกว่าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีคที่ได้เคยในปีก่อนๆ นอกจากนั้นยังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอล"บุนเดสลีกา"ของเยอรมัน คาดว่าจะรู้ผลในสิ้นเดือนนี้
นายสุวิทย์ วรรณะศิริสุข รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการเงิน TRAF เปิดเผยว่า หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 18 ก.ย.มีมติอนุมัติการเพิ่มทุน 38.25 ล้านหุ้น ขาย PP 2 ราย ก็คาดว่ากระบวนการเพิ่มทุนจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/50
"เรามั่นใจว่าผู้ถือหุ้นน่าจะเห็นด้วย เพราะแนวทางที่บอร์ดตัดสินใจให้เพิ่มทุนจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งบริษัทเองและผู้ถือหุ้น เพราะจะทำให้มีเงินเข้ามาขยายธุรกิจ มีเงินมาทำธุรกิจอื่นๆทำให้บริษัทมั่นคง เราพยายามจะเอาสิ่งดีๆให้กับบริษัทให้กับผู้ถือหุ้น แต่อาจต้องรอเวลา"นายสุวิทย์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อย่างไรก็ตาม หากผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติการเพิ่มทุน บริษัทคงจะต้องมองหาวิธีการอื่นต่อไป อย่างเข่นการเพิ่มทุนเพื่อขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม เพราะบริษัทมีความจำเป็นต้องใช้เงินสำหรับการขยายธุรกิจ
"บอกตรงๆตอนนี้เราต้องการเงิน ซึ่งหากขายหุ้นให้ PP ไม่ได้ ก็อาจจะขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม แต่ยังไงก็ต้องเพิ่มทุน...ถ้าดูแนวโน้มการเติบโตของกำไรน้อยมากจึงน่าจะมีเงินทุนสักก้อนมาการขยายธุรกิจ จึงตัดสินใจเพิ่มทุน"
เช้านี้ TRAF แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 120 ล้านบาท เป็น 158.25 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่ 38.25 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 1 บาท เพื่อเสนอขายในราคาหุ้นละ 1.83 บาท คือนายศิริพงศ์ ว่องวุฒิพรชัย และ นายสุนันท์ นพคุณ รายละ 19.125 ล้านหุ้น ให้เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนรายละ 12.09%
*รอผู้ร่วมทุนใหม่ตัดสินอนาคตทางธุรกิจ
นายสุวิทย์ กล่าวถึงธุรกิจที่จะมาเสริมรายได้ให้บริษัทว่า เบื้องต้นคงจะยังเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสื่ออยู่ แต่คาดว่าจะชัดเจนมากขึ้นในไตรมาส 4/50 หลังจากขั้นตอนการเพิ่มทุนแล้วเสร็จและผู้ลงทุนทั้ง 2 รายจ่ายเงินเพิ่มทุน 70 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว
"เรามองว่าในปีนี้จะยังคงเป็นธุรกิจสื่ออยู่ ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรจะยังทำธุรกิจเดิมหรือไม่ขึ้นอยู่กับนักลงทุน 2 รายที่จะเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนว่าอยากเปลี่ยนธุรกิจหรือเปล่า เพราะเขาเป็นเจ้าของเงิน"นายสุวิทย์กล่าว
สำหรับนายศิริพงศ์ ว่องวุฒิพรชัย และ นายสุนันท์ นพคุณ เป็นคนละกลุ่มแต่อยู่ในแวดวงธุรกิจเดียวกันคือ เป็นที่ปรึกษาการทำธุรกิจ โดยเชื่อว่าทั้งสองคนซึ่งมีความเชี่ยวชาญ รู้จักคนมาก น่าจะมองเห็นว่าตอนนี้ธุรกิจเหมาะที่ TRAF จะทำเพื่อให้เข้ามาเป็นช่องทางเสริมรายได้ของ TRAF
นายสุวิทย์ กล่าวว่า แนวคิดการทำธุรกิจใหม่ เกิดจากเห็นว่าถ้าบริษัทต้องการสร้างรายได้ให้ใหญ่ขึ้น รายได้จากการถ่ายทอดฟุตบอลเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่มากพอ เนื่องจากรายได้ของ TRAF ประมาณ 80-90% มาจากการถ่ายทอดกีฬาฟุตบอล
"เราคงจะหวังแค่รายได้จากถ่ายทอดฟุตบอลคงไม่ได้ ก็ดีลไปดีลมาก็ได้นักลงทุนกลุ่มนี้เข้ามา"นายสุวิทย์กล่าว
*หวังปีนี้พลิกมากำไร พร้อมเดินหน้าล้างขาดทนุสะสม 80 ลบ.
นายสุวิทย์ กล่าวว่า บริษัทพยายามจะทำให้ผลประกอบการปีนี้พลิกกลับมามีกำไร หลังจากขาดทุนติดต่อกันมาหลายปี เนื่องจากผลงานไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2/50 มีกำไรสุทธิ พร้อมกับเดินหน้าแก้ปัญหาขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 80 ล้านบาท โดยคาดว่าเร็วสุดปี 51 ก็น่าจะล้างขาดทุนสะสมได้หมด
"ปีนี้ก็น่าจะกำไรนะ เพราะ 2 ไตรมาสที่ผ่านมาก็บวกมาตลอด ส่วนล้างขาดทุนสะสม เร็วสุดปี 51 น่าจะล้างได้หมด"นายสุวิทย์กล่าว
ไตรมาส 1/50 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1.80 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปี 49 ที่ขาดทุน 12 ล้านบาท และไตรมาส 2/50 มีกำไรสุทธิ 4.15 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 7.68 ล้านบาท
*ปลาย ส.ค.รู้ผลเจรจาซื้อลิขสิทธิ์"บุนเดสลีกา"หลังได้"กัลโช่ฯ"
นายสุวิทย์ กล่าวว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังรายได้น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะล่าสุดบริษัทเพิ่งได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลกัลโช่ เซเรอา 2007 ของอิตาลี คาดว่าจะถ่ายทอดสดในวันเสาร์-อาทิตย์สลับกันระหว่างช่อง 9 และช่อง 11 ซึ่งจะเริ่มขายโฆษณาเดือน ก.ย.ซึ่งช่วงพีคสุดของกีฬาฟุตบอลต่างประเทศในแต่ละปีคือช่วงไตรมาส 4 หลังจากเปิดฤดูกาลในไตรมาส 3
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่ารายได้จากการได้ลิขสิทธิ์ฟุตบอลกัลโช่ฯ น่าจะชดเชยรายได้จากลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีคได้ เพราะจำนวนแมตซ์มากกว่า คือ 25 แมตซ์ต่อปี เพิ่มขึ้นจากที่เคยได้สิทธิพรีเมียร์ลีค 17 แมตซ์ต่อปี ขณะที่การทำการตลาดก็ไม่น่าจะยากกว่าพรีเมียร์ลีคเท่าไหร่นัก
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลบุนเดสลีกา 2007 ของเยอรมัน คาดว่าจะรู้ผลปลายส.ค.นี้
"แม้จะสูญเสียลิขสิทธิ์การถ่ายทอดพรีเมียร์ลีคไป แต่เชื่อว่าการได้ลิขสิทธิ์ฟุตบอลกัลโช่ฯมาแทน ด้วยจำนวนแมตซ์ที่มากกว่า และจะพยายามทำรายได้ให้เท่ากับตอนที่ได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีค"นายสุวิทย์กล่าว
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ในอดีตฟุตบอลพรีเมียร์ลีคสามารถทำรายได้ให้บริษัทประมาณ 50-60 ล้านบาทต่อปี เพราะกระแสตอบรับจากสปอนเซอร์ค่อนข้างดี
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--