นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นกรอบจำกัด ทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นบวก โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้นเมื่อคืนนี้ขานรับดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง และความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ ด้านสัญญาณทางเทคนิคยังบ่งชี้ถึงโอกาสการปรับขึ้นและน่าจะผลักดันให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามา ขณะที่นักลงทุนยังรอดูปัจจัยในประเทศ ทั้งการทยอยประกาศผลประกอบการ บจ. การปรับครม. และ การประชุม กนง.วันพรุ่งนี้ พร้อมมองแนวรับในกรอบ 1,312-1,308 จุด และแนวต้านที่ 1,335-1,340 จุด
นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียที่ส่วนใหญ่แกว่งในแดนบวก หลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปรับเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ จากคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ ขานรับดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐที่ปรับขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 1 ปี รวมถึงยังมีความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในสหรัฐ
สัญญาณทางเทคนิคของดัชนีหุ้นไทยยังบ่งชี้ถึงโอกาสการปรับขึ้นได้บ้าง หลังจากการปรับตัวลงของดัชนีหุ้นไทยเมื่อวานนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 วันทำการไม่ได้ทำระดับต่ำสุดใหม่ ทำให้น่าจะยังรักษาฐานดังกล่าวได้ แท้สัญญาณเทคนิคบางอย่างอาจจะยังกดอยู่ก็ตาม โดยดัชนีมียอดสูงบริเวณ 1,322 และ 1,324 จุด ขณะที่นักลงทุนบางส่วนอาจรอ Break Out ซึ่งก็จะผลักดันให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามา อย่างไรก็ตาม วานนี้มีแรงขายออกมาค่อนข้างมากในกลุ่ม TIP ทั้งฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ก็อาจจะยังทำให้การปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันยังอยู่ในกรอบจำกัด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอติดตามสถานการณ์ภายในประเทศ ทั้งการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ (5 ส.ค.) ,การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/63 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ,การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นต้น
พร้อมให้แนวรับที่บริเวณ 1,312-1,308 จุด และแนวต้านที่ 1,335-1,340 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (3 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,664.40 จุด พุ่งขึ้น 236.08 จุด (+0.89%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,294.61 จุด เพิ่มขึ้น 23.49 จุด (+0.72%) ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,902.80 จุด เพิ่มขึ้น 157.53 จุด (+1.47%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 184.36 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 8.47 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 206.47 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 64.85 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 21.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.22 จุด, ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5.63 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ส.ค.63) 1,321.23 จุด ลดลง 7.30 จุด (-0.55%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,405.56 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ส.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (3 ส.ค.63) ปิดที่ 41.01 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ส.ค.) อยู่ที่ -0.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.21 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ รอปัจจัยใหม่ มองกรอบวันนี้ 31.15-31.25
- กระทรวงท่องเที่ยวฯ-ททท.แก้เกมกำลังซื้อคนไทยนิ่ง จ่อลุยเฟส 2 "เราเที่ยวด้วยกัน" ดันยอดคนไทยเที่ยววันธรรมดา เจาะ 3 กลุ่ม "ไทยเที่ยวนอก-เอ็กซ์แพท-องค์กรประชุมสัมมนา"
- รมว.ท่องเที่ยวฯ ประชุมร่วมกับผู้บริหารของ ททท. และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยทั้งหมดในวันพรุ่งนี้ (5 ส.ค.) เพื่อร่วมกันกำหนดอนาคตการท่องเที่ยวของประเทศไทยกันใหม่ภายหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งตรวจสอบสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศทั้งระบบ ก่อนร่วมกันหาทางออกว่าจะร่วมกันแก้ปัญหาหรือกำหนดทิศทางที่จะเดินต่อจากนี้อย่างไร หลังขณะนี้ทุกภาคส่วนเจอปัญหาเหมือนกันหมด แต่กลับยังไม่มีใครที่เขียนภาพอนาคตที่เหมือนกันออกมาได้
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับลดจีดีพีปี 63 เป็นติดลบ 9.4% เหตุได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำเศรษฐกิจไทยเสียหายไปแล้วกว่า 2 ล้านล้านบาท จี้ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่เร่งออกมาตรการกระตุ้น เน้นการจ้างงานในท้องถิ่น เพื่อเพิ่มรายได้ให้ชุมชน และช่วยเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หากไม่ช่วยเดือน ต.ค.นี้ เห็นการปลดคนงานหลักล้านแน่ ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 1.9 ล้านคน
- รมช.คลัง เร่งธนารักษ์ฟื้นฟูที่ดินราชพัสดุทิ้งร้างเพิ่มมูลค่าเน้นสร้างที่อยู่อาศัยข้าราชการ ดอกเบี้ย 3% ผ่อนไม่เกิน 2-3 พันบาท/เดือน เล็งที่ดินนครสวรรค์สร้างแหล่งท่องเที่ยว-ที่ดินสมุทรปราการตั้งศูนย์กระจายสินค้าเกษตร ฟื้นที่พักคนชราทำเลติดทะเลชลบุรี
- โฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ระบุว่าสถานการณ์การประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) ในเดือน มิ.ย.63 เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวจากเดือน พ.ค.63 ในทิศทางบวกทั้งในด้านยอดสินเชื่ออนุมัติและจำนวนผู้ยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ เนื่องจากโควิด-19 ลดความรุนแรงลงแล้ว ประกอบกับรัฐบาลได้เริ่มดำเนินการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ
- รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน ก.ค.63 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 จากเดือนก่อนที่ 38.5 มาอยู่ที่ระดับ 42.9 ปรับดีขึ้นในเกือบทุกธุรกิจดัชนีรวมยังต่ำกว่า 50 ในทุกภาคธุรกิจ เพราะความเชื่อมั่นที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ เช่นเดียวกับดัชนีสภาพคล่องทั้งปัจจุบันและ 3 เดือนข้างหน้าปรับเพิ่มขึ้น ยังอยู่ต่ำกว่า 50 ธุรกิจส่วนใหญ่ยังคงมีสภาพคล่องลดลง ส่วนหนึ่งจากการที่ไม่ได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินเพียงพอตามต้องการ
*หุ้นเด่นวันนี้
- TACC (หยวนต้าฯ) แนะ"เก็งกำไร" ราคาเหมาะสม 7.20 บาท คาดรายงานผลประกอบการ Q2/63 ในวันที่ 6 ส.ค. ประเมินกำไรปกติ 45 ล้านบาท เติบโต +3% YoY และ +19% QoQ ขณะที่แนวโน้มกำไร Q3/63 และ Q4/63 โดดเด่นมีโอกาสทำ New High ต่อเนื่อง ด้านฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็น Net Cash จึงมีความพร้อมหากมีโอกาสในการทำ M&A เพื่อต่อยอดการเติบโตของบริษัท ขณะที่ทางเทคนิคหากปรับตัวผ่าน 6.25 บาทได้จะเป็นสัญญาณบวก
- STA (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 35 บาท โดยราคายางปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% จากสัปดาห์ก่อน และเพิ่มขึ้น 4% QTD ราคายางพารามีเสถียรภาพมากขึ้นส่งผลให้การบริหารต้นทุนและวัตถุดิบทำได้ราบรื่นขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจยางธรรมชาติบางส่วนออกจากตลาดไป ทำให้การแข่งขันรวมถึงการแย่งซื้อวัตถุดิบลดลงมากในปีนี้ ด้านความต้องการเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากการคลายล็อกดาวน์ รวมถึงความต้องการจากผู้ประกอบการล้อยางรถยนต์จีนที่ฟื้นตัวขึ้น ส่งผลดีต่อ STA
- SAWAD (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 68 บาท คาดกำไร Q2/63 -3% Q-Q, +14% Y-Y จากสินเชื่อที่เติบโต 24% Y-Y จากการเจาะตลาด Mass และผู้มีรายได้ต่ำ ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยโตดีจากธุรกิจโบรกเกอร์ประกันภัย ด้าน NPL ยังสามารถบริหารจัดการได้ค่อนข้างดี แนวโน้ม H2/63 คาดว่าจะเติบโตเร่งตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งหนุนความต้องการสินเชื่อ