นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง (FTE) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานช่วงครึ่งหลังปี 63 บริษัทยังคงเดินหน้าเสนองานอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับปรุงระบบบริหารจัดการองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันบริษัทมุ่งเน้นที่จะสร้างฐานรายได้จากงานประเภทต่างๆ รวมถึงกระจายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลาย ทั้งโครงการของหน่วยงานราชการ และกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรม
โดยปัจจุบันตลาดอุปกรณ์และระบบดับเพลิงมีมูลค่ารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท คาดว่าจะเติบโตลดลง 5% ในปีนี้จากผลกระทบของสถานการณ์ไวรัสโควิด 19 อย่างไรก็ตาม FTE ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 อยู่ที่ 20%
สำหรับภาพรวมตลาดอุปกรณ์และระบบดับเพลิงครึ่งปีแรก เติบโตลดลงเล็กน้อยตามการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ได้รับผลกระทบในช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ตาม โครงการหลายแห่งที่มีการก่อสร้างช่วงก่อนหน้านี้ มีความจำเป็นต้องใช้งานระบบดับเพลิงตามข้อกำหนดด้านกฏหมาย โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทสามารถประมูลงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงรวมกว่า 335 ล้านบาท แบ่งเป็น สถานีไฟฟ้าย่อยของ กฟผ. จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 35 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้รับงานติดตั้งระบบดับเพลิงทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ โรงงานอุตสาหกรรม ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศ (Data Center) อาคารโรงพยาบาลและหน่วยราชการต่างๆ มูลค่ารวม ประมาณ 300 ล้านบาท
ทั้งนี้ ภาพรวมการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังเริ่มเห็นสัญญาณที่ดี จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่มีการผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนาดใหญ่ และโครงการสาธารณูปโภคขนาดกลางและเล็กที่มีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาคเอกชน อาทิ โรงงานอุตสาหกรรม ยังคงมีการเติบโตในบางพื้นที่ ซึ่งหากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง การกระจายฐานการผลิตจากต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีนมาสู่ไทยเพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจถือเป็นปัจจัยบวกต่อการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมใหม่
อีกทั้ง มีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เร่งให้เกิดการลงทุน ทั้งโครงการขนาดใหญ่ เอสเอ็มอี (SMEs) และการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวถือเป็นโอกาสในการรับงานของบริษัทในอนาคต