โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) จากแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปีนี้ที่คาดว่าจะฟื้นตัว หลังจากผ่านระดับต่ำสุดรอบปีในช่วงไตรมาส 2/63 พร้อมเตรียมเปิดอีก 4 โครงการใหม่ มูลค่า 6.4 พันล้านบาท ช่วยหนุนยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศคลี่คลาย ส่งผลดีต่อธุรกิจที่เข้าไปลงทุนทั้ง HMPRO และ LHFG ที่จะได้รับส่วนแบ่งกำไรกลับมามากขึ้นด้วย
ด้านประเด็นของสภาพคล่อง (Liquidity) ของ QH ยังไม่น่าเป็นห่วง แม้มีหุ้นกู้ครบกำหนดในเดือน พ.ย.63 จำนวน 4 พันล้านบาท แต่ QH ก็มีวงเงินกู้กับธนาคาร 6 พันล้านบาท และยังอยู่ระหว่างรออนุมัติเพิ่มอีก 2 พันล้านบาท เพียงพอรองรับดำเนินธุรกิจ ขณะที่ QH มีจุดเด่นจากอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) สูงกว่า 6-8%
พักเที่ยงหุ้น QH อยู่ที่ 2.16 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ 0.93% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 0.86%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เคจีไอฯ ซื้อ 3.40 ทรีนีตี้ ซื้อ 2.70 หยวนต้าฯ ซื้อเก็งกำไร 2.50 ทิสโก้ ซื้อ 3.10 เอเชีย เวลท์ ซื้อ 2.40 เอเซีย พลัส ซื้อ 2.60 กสิกรไทย ถือ 2.40
นักวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ เปิดเผยว่า คาดว่ากำไรสุทธิของ QH ในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะกลับมาฟื้นตัว หลังจากผลประกอบการไตรมาส 2/63 น่าจะเป็นระดับต่ำสุดของปีแล้ว โดยยอด Presales ของโครงการต่าง ๆ จะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติและมีโอกาสที่ยอด Presales ทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมาย เป็นผลจากการเปิด 4 โครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่ารวม 6.4 พันล้านบาท
ขณะเดียวกันคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) ดีขึ้นหลังจากทุกสาขาของ HMPRO กลับมาเปิดให้บริการได้อย่างเต็มที่ในช่วงต้นเดือน พ.ค. และผลงานของ บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHFG) ที่กลับมาฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่กำไรของ QH ในปี 63 จะเป็นไปตามที่ประเมินไว้ที่ราว 2 พันล้านบาท และคาดหมายอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 63 ไว้สูงถึง 6.5%
สำหรับทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/63 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 420 ล้านบาทต่ำสุดรอบปี โดยลดลง 8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/63 และลดลง 29% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/62 แม้ว่ารายได้รวมจะปรับตัวสูงขึ้นจากการโอนโครงการมากขึ้น โดยเฉพาะแนวราบ แต่ก็ถูกกดดันจากส่วนแบ่งเงินลงทุนลดลง โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมที่คาดว่าจะมีผลขาดทุนจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้อัตราการเข้าพักลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และการรับรู้รายได้จาก HMPRO ที่ปิดสาขาเกือบทุกแห่งในช่วงปลายเดือน มี.ค.และต่อเนื่องในช่วงต้นไตรมาส 2/63
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า QH จะยังคงสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ที่ราว 31-33% และยังไม่น่าเป็นห่วงต่อประเด็นของสภาพคล่อง (Liquidity) แม้ว่าจะเพิ่งจ่ายคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 วงเงิน 4 พันล้านบาทไปแล้ว และยังมีหุ้นกู้อีก 4 พันล้านบาทในเดือนพ.ย.63 เนื่องจากปัจจุบัน QH มีวงเงินกู้กับธนาคาร 6 พันล้านบาท และอยู่ระหว่างอนุมัติเพิ่มอีก 2 พันล้านบาท ทำให้เชื่อว่า QH จะยังคงเป็นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลได้สูงต่อเนื่อง โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล จะอยู่ที่ 7.4%
ช่วงครึ่งปีหลัง QH จะเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่อีก 4 โครงการ มูลค่ารวม 6.4 พันล้านบาท ส่งผลให้คาดว่ายอดโอนจะดีขึ้น หลังจากคาดว่ายอดโอนได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วเมื่อไตรมาส 1/63 ขณะที่ยอดขายโครงการ Q. Sukhumvit คาดว่าจะเริ่มกลับมาขายดีขึ้นหากมีการเปิดประเทศอีกครั้งด้วย
ทั้งนี้ คาดว่ายอดโอนของ QH ในปีนี้อยู่ที่ 8.13 พันล้านบาท และรายได้จากกลุ่มโรงแรมและค่าเช่าที่ 932 ล้านบาท จากผลกระทบของโควิด-19 ทำให้ Occupancy rate อยู่ในระดับต่ำ แม้จะยังเปิดให้บริการโรงแรมอยู่เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าจาก Long term contract แต่ด้วยยอด Occupancy Rate ค่อนข้างต่ำ ส่งผลให้มี EBITDA Margin ติดลบ
พร้มอกันนี้ยังคงคาดการณ์กำไรสุทธิของ QH ในปี 63 ที่ 2.43 พันล้านบาท จากยอดโอนที่ต่ำลง ขณะที่อัตราการทำกำไรยังสามารถทำได้ในกรอบที่ตั้งไว้ที่ 31-33% เนื่องจากการโปรโมชั่นในช่วงไตรมาส 2/63 เป็นในส่วนของคอนโดมิเนียม ซึ่งมีสัดส่วนราว 10% ของรายได้ จึงไม่ได้กระทบ Gross Margin มากนัก
ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราห์ว่า จุดเด่นของ QH อยู่ที่เงินปันผล คาดว่างวดครึ่งแรกปีนี้จะอยู่ที่ 0.06 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 2.8% และคาดว่าทั้งปีจะมีเงินปันผลที่ 0.18 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนที่สูงถึง 8.3% โดยทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/63 จะฟื้นตัวดีขึ้น และในช่วงไตรมาส 4/63 จะเป็นช่วงที่ผลประกอบการดีที่สุดของปีนี้ หนุนด้วยการฟื้นตัวของธุรกิจร่วมค้าจากสถาณการณ์การแพร่ระบาอของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงต้นไตรมาส 2/63
ทั้งนี้ QH ยังคงแผนการเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง 4 โครงการ รวมมูลค่า 6.4 พันล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบทั้งหมด 3 โครงการในไตรมาส 3/63 คือ Q Prime Sukhumvit 77 ,Vararom Watcharapol – Permsin ,Gusto Suksawat – Pracha Uthit และ 1 โครงการในช่วงไตรมาส 4/63 คือ Q District Suksawat 76 ซึ่งคาดเป็นโครงการสร้างเสร็จก่อนขายทั้งสิ้น เป็นปัจจัยหลักที่จะหนุนยอด Presale และยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี