นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการ บมจ. สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/63 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 63 บริษัทมีกำไรสุทธิ 440.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 432.40 ล้านบาท หรือ 5,345% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 8.09 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนมีกำไรสุทธิ 701.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 568.75 ล้านบาท เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 132.67 ล้านบาท
ทั้งนี้ ไตรมาส 2/63 บริษัทมีรายได้ 4,657 ล้านบาท เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 ที่มีรายได้ 1,624 ล้านบาท และเติบโตขึ้นราว 54.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/63 โดยหากเทียบธุรกิจเดิมจะเติบโตถึง 5,262% และกำไรสุทธิเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อนึ่ง STARK ดำเนินธุรกิจ Holding Company โดยบริษัทที่ได้เข้าลงทุนคือ Phelps Dodge International Thailand เป็นผู้นำผลิตและจำหน่ายสายไฟฟ้าและเคเบิลในประเทศไทย มีสินค้าและผลิตภัณฑ์ครบวงจรตั้งแต่สายไฟฟ้าแรงดันต่ำจนถึงสายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ มีแหล่งกระจายสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นายชนินทร์ กล่าวว่า ผลประกอบการที่ดีขึ้นทั้งรายได้และกำไรตั้งแต่ไตรมาส 1/63 ต่อเนื่องไตรมาส 2/63 มีสาเหตุจากการรับรู้รายได้จากบริษัทย่อยในประเทศไทย และการรับรู้งบการเงิน (consolidate) ของบริษัทสายไฟ thipha และ dovina ที่บริษัทได้ซื้อกิจการเข้ามา หลังจากปรับเปลี่ยนธุรกิจจากเดิมคือ บมจ.สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย
นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า ผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่องส่งผลให้อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E ratio ) ของบริษัทลดลงจาก 96 เท่า มาเหลือ 75 เท่า หากพิจารณาจากงบการเงิน 4 ไตรมาสย้อนหลัง อย่างไรก็ดี หากพิจารณาสมมติฐานที่ว่ากำไรสุทธิของบริษัทในครึ่งหลังของปี 63 ไม่แตกต่างจากครึ่งแรก อัตราส่วน P/E จะลดลงเหลือเท่ากับ 34 เท่าในช่วงปลายปีนี้
สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง 63 บริษัท ยังได้รับผลเชิงบวกจากการรับรู้รายได้เพิ่มเติมของปริมาณงานในมือ (backlog) จากหน่วยงานภาครัฐที่โดยมากจะสูงในไตรมาสสุดท้ายของปี รวมถึงกำไรที่จะเพิ่มมากขึ้นอีกจาก Synergy กิจการในเครือที่จะทยอยเห็นผลจากการควบรวมกิจการสายไฟฟ้าในเวียดนาม