นายชาญชัย กงทองลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า บล.ทรีนีตี้ ได้ร่วมมือกับ บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้ง (Bitkub) พัฒนาความรู้ การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency) ที่ถูกต้องให้กับนักลงทุน โดยอาศัยบทวิจัยและบทวิเคราะห์ทางเชิงปริมาณเพื่อเป็นแนวทางให้กับนักลงทุนในการจัดการสินทรัพย์ประเภทการลงทุนทางเลือก (Alternative Investment)
ทั้งนี้ การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นการต่อยอดของการจัดการสินทรัพย์ในช่วงที่ปีนี้ตลาดหุ้นมีความผันผวนค่อนข้างสูง หลังเผชิญแรงกดดันจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และต่อเนื่องมาถึงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะที่การลงทุนใน Cryptocurrency เป็นเทรนด์การลงทุนสมัยใหม่ที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจและมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
สำหรับความร่วมมือธุรกิจกับ Bitkub ในครั้งนี้ บล.ทรีนีตี้ จะเป็นผู้แนะนำลูกค้าเพื่อเปิดบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลกับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล บิทคับ ออนไลน์ รวมถึงมีแผนงานจะจัดกิจกรรมร่วมกันในการให้ความรู้เกี่ยวกับ Cryptocurrency แก่ลูกค้าและนักลงทุนทั่วไป เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นไม่นาน นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่มีข้อมูล และความรู้ในเรื่องนี้มากนัก ดังนั้น การให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับสินทรัพย์และการลงทุนใน Cryptocurrency จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
ด้านนายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า การลงทุนในช่วงปี 63 เต็มไปด้วยความผันผวน จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ขณะที่สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ส่อเค้ารุนแรงขึ้น และการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางที่มากมายมหาศาลอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน นำมาสู่การผันผวนของราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ ทั่วโลก และความผันผวนจะยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ทำให้ทรีนีตี้ ตระหนักถึงความสำคัญที่นักลงทุนจะต้องบริหารสินทรัพย์ โดยการจัดสัดส่วนการลงทุน (Asset Allocation) ให้สอดคล้องกับการผันผวนของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ แนะนำให้นักลงทุนแบ่งสัดส่วนการลงทุนดังนี้ คือ ลงทุนในตลาดหุ้นไทย สัดส่วน 20% เพราะตลาดหุ้นไทยมีความโดดเด่นเรื่องผลตอบแทนจากเงินปันผล , ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ สัดส่วน 15% โดยเน้นน้ำหนักลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและอาหาร , ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ สัดส่วน 30% เพื่อที่จะรับกระแสเงินสดจากดอกเบี้ยสม่ำเสมอ
ลงทุนในทองคำ สัดส่วน 5-10% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในสหรัฐฯ ที่ติดลบ จะส่งผลดีต่อราคาทองคำ , ถือเงินสด 25% เพื่อรอจังหวะซื้อสินทรัพย์ในช่วงที่มีราคาถูก และลงทุน ในสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Investment) เช่น Bitcoin หรืออื่นๆ ในสัดส่วน 1-5%
"ปีนี้การลงทุนใน Bitcoin ให้ผลตอบแทนกว่า 53% นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ส่วนการลงทุนทองคำในรูปเงินบาท ให้ผลตอบแทนกว่า 32% หุ้น NASDAQ ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเทคโนโลยีให้ผลตอบแทน 19% หุ้นจีน ให้ผลตอบแทน 7% ขณะที่หุ้นไทยให้ผลตอบแทนติดลบ 14.7% และ Thai REIT ให้ผลตอบแทนติดลบมากถึง 20.4%"นายวิศิษฎ์ กล่าว
นายวิศิษฎ์ กล่าวอีกว่า การจัดสรรเงินลงทุนใน Cryptocurrency ในระดับ 1-5% เป็นการกระจายความเสี่ยงของการลงทุน เนื่องจาก Cryptocurrency มีความสัมพันธ์ที่มีสหพัทธ์ หรือ Correlation กับราคาสินทรัพย์อื่น ๆ ในระดับต่ำ และปัจจุบันความผันผวนของสินทรัพย์ของ Cryptocurrency ได้ลดลงมาในระดับ 50% ซึ่งพอรับได้ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ทางเลือก เมื่อเปรียบเทียบกับความผันผวนในอดีตที่ระดับ 80-90%
ทั้งนี้ ทรีนีตี้ เป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่มีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์มากว่า 20 ปี ขณะที่ Bitkub เป็นบริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ในเรื่องของ Cryptocurrency และเป็นศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ Cryptocurrency ที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดของประเทศไทย จึงมีความเชื่อมั่นว่าจากความร่วมมือกันในครั้งนี้จะสร้างประโยชน์ให้แก่นักลงทุนได้มีแนวทางการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น