RASA คาดรายได้-กำไรปี 50 ใกล้เคียงปีก่อน เหตุรับรู้โครงการเก่าเป็นหลัก

          นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ กรรมการ บมจ.รสา พร็อพเพอร์ตี้ (RASA) เปิดเผยว่า ในปีนี้รายได้และกำไรจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้ 671 ล้านบาทและมีกำไร 40 กว่าล้านบาท เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ในปีนี้จะมาจากโครงการเดิม 4 โครงการที่ได้เปิดไปแล้ว และจากงานในมือ(backlog)ที่จะรับรู้อีก 250 ล้านบาทในครึ่งปีหลัง
          ปัจจุบันบริษัทมี backlog ราว 500 ล้านบาท รับรู้รายได้ไปแล้ว 200 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรก ส่วนที่เหลือจะไปรับรู้ฯ ในปี 51 รวมถึงโครงการใหม่ที่บริษัทมีแผนจะเปิด 3 โครงการ มูลค่า 3 พันล้านบาทในช่วงครึ่งหลังปีนี้ด้วย 
          ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะใกล้เคียงปีก่อนที่ระดับ 25-28% แต่อัตรากำไรสุทธิจะลดลงเหลือ 8% จาก 9-10% เพราะโครงการบ้านเดี่ยวมีมาร์จิ้นลดลง 
          ส่วนรายได้ในไตรมาส 2/50 น่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/50 ที่มีรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท แต่เชื่อว่าจะปรับดีขึ้นในไตรมาส 3/50 และ 4/50
          สำหรับ 3 โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในครึ่งหลังของปีนี้ ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม 2 แห่ง ได้แก่ เดอะ ไลท์ เฮ้าส์ สาทร - เจริญนคร  จำนวน 325 ยูนิต มูลค่า 1.2 พันล้านบาท จะเปิด Presale ต.ค.นี้ และคาดว่าจะมียอดขาย 20% ของมูลค่าโครงการ มีกำหนดแล้วเสร็จปี 53 ซึ่งโครงการดังกล่าวซื้อที่ดินมาจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) 154 ล้านบาท และเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท สยาม ไพรม์ เอสเตท 
          ส่วนคอนโดฯอีก 1 โครงการเป็น ซิตี้ คอนโดฯ ทำเลในเส้นทางรถไฟฟ้า จำนวน 400 ยูนิต มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยว รสา พาร์คเลน วัชรพล  จำนวน 16 ยูนิต มูลค่า 600 ล้านบาท
          นายเลิศมงคล กล่าวว่า สำหรับการจ่ายเงินปันผลนั้น บริษัทคงจะพิจารณาว่าหากไม่มีการลงทุนก็จะใช้จ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ตามนโยบายที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งปัจจุบันมีกำไรสะสมอยู่ประมาณ 70 ล้านบาท 
          ด้านนายมานพ  พงศทัต  ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร RASA ระบุว่าถึงกระแสข่าวที่ น.พ.บุญ วนาสิน เจ้าของกิจการโรงพยาบาลปิยะเวทและบริษัท ราชธานีบ้านและที่ดิน จะเข้ามาเป็นพันธมิตรนั้น  ไม่น่าจะเป็น RASA เพราะสไตล์ของน.พ.บุญน่าจะเลือกบริษัทที่หวือหวา ขณะที่ RASA เป็นบริษัทขนาดกลางเท่านั้น 
         ส่วนราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาในช่วงที่ผ่านมา นายมานพ กล่าวว่า ก็เป็นไปตามสสภาพตลาดโดยรวมที่พุ่งแรง ประกอบกับบริษัทเองก็มีโครงการใหม่ออกมา รวมถึงนโยบายการจ่ายปันผลที่มีต่อเนื่อง