โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) เล็งผลดำเนินงานในครึ่งปีหลัง (H2/63) ฟื้นตัว โดยงวดไตรมาส 3/63 มีโอกาสพลิกเป็นกำไรเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 ที่คาดว่าจะขาดทุน-เป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ หลังจากคลายล็อกดาวน์แล้วทำให้สาขาต่าง ๆ กลับมาเปิดเต็มที่
ผลการดำเนินงานจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/63 ต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/63 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ ส่งผลให้แนวโน้มยอดขายและผลงานในช่วงครึ่งปีหลัง (H2/63) กลับมาดีขึ้น
นอกจากนี้ CRC ยังมีศูนย์การค้าในต่างประเทศที่จะเข้ามาเสริมการเติบโตในระยะยาว โดยเฉพาะการลงทุนในเวียดนามที่มีโอกาสขยายตัวได้มากขึ้นในอนาคต จากแนวโน้มเศรษฐกิจและกำลังซื้อของคนเวียดนามที่เพิ่มขึ้น
หุ้น CRC ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 29 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เอเชีย เวลท์ ซื้อ 43.00 หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 42.00 บัวหลวง ซื้อ 38.00 เอเซีย พลัส ซื้อ 35.50
นายสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าว่า มีมุมมองบวกกับการกลับมาฟื้นตัวขึ้นของผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในส่วนของยอดขายที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวกลับมาหลังคลายล็อกดาวน์ และในไตรมาส 3/63 จะเป็นไตรมาสที่แบรนด์ในเครือ CRC กลับมาเปิดสาขาเต็มที่มากขึ้น ทำให้มีโอกาสที่ยอดขายจะเด้งกลับมาเติบโตขึ้นได้ราว 30% จากไตรมาส 2/63 ที่ยอดขายหดตัวลงแรงในช่วงล็อกดาวน์ ทำให้ในไตรมาส 3/63 คาดว่าจะพลิกเป็นกำไรหลังจากคาดว่าจะขาดทุนในไตรมาส 2/63
อย่างไรก็ตาม มองว่ายังมีแรงกดดันจากความเสี่ยงของการแพร่ระบาดโควิด-19 ในต่างประเทศที่ยังมีการระบาดต่อเนื่อง ทำให้ภาคการท่องเที่ยวยังไม่กลับมา ส่งผลให้ยอดขายและผลงานของ CRC ขาดแรงหนุนที่ช่วยเร่งการเติบโตของยอดขายให้กลับมาฟื้นตัวได้มากขึ้น แต่ CRC ยังมีธุรกิจศูนย์การค้าในต่างประเทศที่สามารถเข้ามาช่วยสร้างผลงานให้กับบริษัทได้ส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะเวียดนามที่ยังมีโอกาสการเติบโตได้อีกมากในอนาคต
ด้านนายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการสายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า จากแนวโน้มการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานของ CRC ในรูปแบบ V-shape หลังจากไตรมาส 2/63 จะรายงานผลขาดทุนออกมา จากการปิดสาขาทั้งในและต่างประเทศในช่วงล็อกดาวน์ และในไตรมาส 3/63 จะเริ่มเห็นการกลับมาฟื้นตัวขึ้น จากการเปิดให้บริการสาขามากขึ้น โดยคาดว่ายอดขายรวมของ CRC จะดีดตัวกลับมาเป็นบวก 25-30% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 และคาดว่ามีโอกาสกลับมาพลิกมีกำไร
ขณะที่ในไตรมาส 4/63 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่นยังมองความแข็งแกร่งของยอดขายจะมากขึ้น ซึ่งหากการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายได้อย่างชัดเจน และมีโอกาสเปิดการท่องเที่ยวของต่างชาติบ้างในช่วงปลายปีนี้ รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของภาครัฐในช่วงปลายปีจะเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนภาพรวมในไตรมาสสุดท้าย
แต่ภาพรวมของกำไรในปี 63 จะไม่สดใสรับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ค่อนข้างมาก ทำให้กำไรจะลดลงมากเหลือราว 3 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไร 1 หมื่นล้านบาท แต่ยังมองว่า CRC ยังเป็นธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง มีศักยภาพในการเติบโต และยังมีโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเข้ามาสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว
ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯมองผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/63 และจะเริ่มเห็นการเริ่มกลับมาทยอยฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากเริ่มกลับมาเปิดให้บริการสาขาในเครือได้เต็มที่มากขึ้น ทำให้เริ่มมียอดขายกลับมา โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอาหาร สินค้าเกี่ยวการตกแต่อกับบ้าน และสินค้าแฟชั่น เปึนกลุ่มสินค้าที่มีการเติบค่อนข้างชัดเจนหลังจากกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ทำให้ภาพรวมของธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังเห็นภาพการฟื้นตัวขึ้นมา แม้ว่าแรงกดดันของการล็อกดาวน์ในช่วงครึ่งปีแรงฉุดผลงานในปีนี้ค่อนข้างแรง
นอกจากนี้ การดำเนินการขายและการตลาดแบบ OMNI Channel ควบคู่กันระหว่างช่องทางสาขาและออนไลน์ ทำให้ CRC สามารถเพิ่มโอกาสการขายได้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงล็อกดาวน์ที่มียอดขายจากช่องทางออนไลน์เข้ามาหนุนได้บางส่วน อีกทั้งยังมีการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเวียดนามที่เป็นอีกหนึ่งประเทศที่จะช่วยเสริมการเติบโตให้กับบริษัทในอีก 3-5 ปีข้างหน้า จากศักยภาพของตลาดในเวียดนามที่ประชากรเริ่มมีกำลังซื้อมากขึ้นเศรษฐกิจในประเทศเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตได้ค่อนข้างมาก ทำให้การเข้าไปลงทุนในเวียดนามจะเป็นปัจจัยบวกให้กับบริษัทในระยะต่อไป