นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สนพ.อยู่ระหว่างรอนโยบายจากนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงานคนใหม่ เกี่ยวกับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) แม้ว่าปัจจุบันคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะออกใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper) ให้กับเอกชนเพิ่มเติมอีก 3 ราย ได้แก่ บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด บริษัทในกลุ่ม บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM), บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และบริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GULF และ บมจ.ราช กรุ๊ป (RTACH) แต่การนำเข้า LNG ยังต้องได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายนโยบาย และเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) อนุมัติก่อน
เนื่องจากการนำเข้า LNG ของผู้ได้รับอนุญาตรายใหม่จะต้องไม่ทำให้เกิดภาระการจ่ายค่าก๊าซธรรมชาติตามสัญญาไม่ว่าจะใช้ก๊าซฯหรือไม่ (Take or Pay) ขณะเดียวกันผู้ที่จะนำเข้าจะต้องมีข้อตกลงกับทาง บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด (PTTLNG) เกี่ยวกับการจองช่วงเวลาในการใช้คลังเก็บ และท่อจัดส่งก๊าซฯด้วย ซึ่งหลังจากได้รับการอนุมัติจาก กพช.แล้ว สนพ.ก็จะมอบหมายให้ กกพ.เป็นผู้ออกระเบียบเพื่อรองรับการนำเข้า ซึ่งหากไม่ติดปัญหาใด ก็คาดว่าอาจจะได้เห็นการนำเข้า LNG จากรายใหม่ได้ภายในปีนี้
อนึ่ง ขณะนี้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ มีทั้งสิ้น 5 ราย ได้แก่ บมจ.ปตท. (PTT) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยทั้ง 2 รายมีการนำ LNG เข้ามาแล้ว ขณะที่ในปีนี้กกพ. ออกใบอนุญาตดังกล่าวให้กับเอกชนเพิ่มเติมอีก 3 ราย เพื่อนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทตัวเอง ได้แก่ บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด ที่จะนำเข้าในปริมาณ 6.5 แสนตัน/ปี , GULF เตรียมนำเข้าปริมาณ 3 แสนตัน/ปี และบริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด เตรียมนำเข้าปริมาณ 1.4 ล้านตัน/ปี