นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ภาวะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในเดือน ก.ค.63 ค่อนข้างทรงตัว โดยดัชนี SET Index ปิดที่ 1,328.53 จุด ลดลง 0.8% จากเดือนก่อนหน้า สาเหตุมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้ลงทุน ได้แก่ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน ความกังวลการกลับมาแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกสอง อีกทั้งเป็นช่วงเวลาเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจ รวมถึงการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในครึ่งแรกปีนี้ ทำให้ SET Index เคลื่อนไหวในกรอบแคบ
ขณะที่เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน SET Index ปรับลดลง 15.9% แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า MSCI ASEAN ที่ลดลง 19.4% จากสิ้นปีก่อน โดยเมื่อพิจารณารายอุตสาหกรรมเทียบกับสิ้นปี พบว่าอุตสาหกรรมบางอุตสาหกรรมปรับตัวดีกว่า SET Index และมี 2 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในแดนบวก ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค และในบางหมวดธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวหลังเริ่มมีการคลายการล็อคดาวน์ อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ นอกจากนี้ ในเดือน ก.ค.ยังเป็นเดือนแรกที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของหลักทรัพย์ที่อยู่นอกกลุ่ม SET100
ในส่วนของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมใน SET และ mai ในเดือน ก.ค.63 อยู่ที่ 64,010 ล้านบาท อยู่ในระดับเดียวกันกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในช่วง 7 เดือนแรกของปี 63 ด้านมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมอยู่ที่ 67,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เมื่อพิจารณาการซื้อขายตามประเภทผู้ลงทุน พบว่าผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 โดยอยู่ที่ 48.03% ของมูลค่าการซื้อขายรวม นอกจากนี้ ผู้ลงทุนต่างประเทศมีแนวโน้มขายหุ้นไทยลดลง โดยในเดือนนี้ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิเพียง 9,938 ล้านบาทซึ่งเป็นมูลค่าขายสุทธิที่ต่ำที่สุดในรอบ 7 เดือน
นอกจากนี้ เริ่มเห็นสัญญาณความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น จากผู้ลงทุนต่างชาติที่มีแนวโน้มขายสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทยลดลง อีกทั้งเริ่มมีกิจกรรมการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) อีกครั้ง โดยในเดือนกรกฎาคม มีหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (STGT) และ บมจ.ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี (SICT) มีมูลค่าระดมทุน IPO รวม 15,043 ล้านบาท อีกทั้งมีมูลค่าการซื้อขายรวมถึง 81,441 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.46% ของมูลค่าการซื้อขายรวมของเดือนนี้
ด้าน Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือน ก.ค.63 อยู่ที่ระดับ 21.4 เท่า และ 19.1 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 16.3 เท่า และ 17.5 เท่าตามลำดับ
อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือน ก.ค.63 อยู่ที่ระดับ 3.66% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.03%
ด้านภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในเดือน ก.ค.63 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 397,340 สัญญา ลดลง 20.3% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจาก Single Stock Future และ SET 50 Index Futures และในช่วง 7 เดือนแรกของปี 63 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 484,269 สัญญา เพิ่มขึ้น 21.75% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน