TPLAS มั่นใจรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 15% แม้ H1/63 หดตัว พร้อมลุยบรรจุภัณฑ์กระดาษหลังผลตอบรับดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 7, 2020 13:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีระชัย ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) (TPLAS) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมาย 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการมุ่งศึกษาด้านการผลิตในกลุ่มบรรจุภัณฑ์กระดาษ คาดว่าจะมีการเพิ่มไลน์การผลิตให้หลากหลายมากขึ้น เช่น จาน ถ้วย หรือแม้แต่กล่องบรรจุอาหารที่มีขนาดที่แตกต่างออกไปมากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเป็น 2 เครื่อง คาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จในไตรมาส 3/63 และหากผลการตอบรับในกลุ่มบรรจุภัณฑ์กระดาษออกมาดี บริษัทจะสั่งเครื่องจักรเข้ามาเพิ่มให้ครบ 4 เครื่องภายในปีนี้ เพื่อรองรับการขยายตลาดเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีการจำหน่ายเฉพาะในกลุ่มฐานลูกค้าเดิม ซึ่งเฉพาะยอดขายในเดือน ก.ค.เพียงเดือนเดียวมียอดขายสูงถึง 500,000 กล่อง ถือเป็นผลตอบรับที่ดี

"ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหาร ถุงหูหิ้ว และฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร ยังมีความต้องการใช้อยู่ โดยเฉพาะกลุ่มฐานลูกค้าเดิม อาทิ ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว เป็นต้น เพราะเป็นกลุ่มที่มีฐานตลาดกว้างและกระจายไปทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการใช้สูง ซึ่งเชื่อว่าหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเพิ่มขึ้น จะส่งผลเชิงบวกต่อการจับจ่ายของผู้บริโภคมากขึ้น"นายธีระชัย กล่าว

TPLAS รายงานผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 63 มีรายได้รวม 225.42 ล้านบาท ลดลง 14.67% จากระดับ 264.17 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 15.57 ล้านบาท จากระดับกำไรสุทธิ 15.23 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาส 2/63 มีรายได้รวม 115.1 ล้านบาท ลดลงจากระดับ 126.21 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 9.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 4.64 ล้านบาทในงวดปีก่อน

นายธีระชัย กล่าวว่า กำไรงวดครึ่งแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 2.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหาร ถุงหูหิ้ว และฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร โดยจะเห็นได้จากช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา มีปริมาณยอดขายสูงถึง 830 ตัน ทำระดับสูงสุดตั้งแต่เปิดบริษัทมา ขณะที่กำไรในไตรมาส 2/63 เพิ่มขึ้น 104% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าการแข่งขันทางการตลาดค่อนข้างสูงเมือเทียบกับปีก่อนส่งผลให้ราคาสินค้าเฉลี่ยปรับตัวลดลง แต่จากการที่ภาครัฐได้ประกาศคลายล็อกดาน์หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง ทำให้กลุ่มผู้บริโภคกลับมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทยังสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ