นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บมจ. เอเวอร์แลนด์ (EVER) เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปีนี้ว่า จะยังคงเดินหน้าตามแผน และประเมินว่ากำลังซื้อน่าจะฟื้นตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรก ดังนั้น บริษัทจะเดินหน้าเปิดโครงการแนวราบ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว แบรนด์ "มายโฮมมซิลเวอร์เลค - ซิลเวอร์เลค พาร์ค" และทาวน์โฮม แบรนด์ "เอเวอร์ ซิตี้ ซึ่งในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม เปิดขายโครงการ"ซิลเวอร์เลค พาร์ค" เฟส 2 มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท รวมทั้ง ในโครงการ สุขสวัสดิ์ 30 – พุทธบูชา เฟส 2 ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะเข้ามาสนับสนุนรายได้เพิ่มเติม
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนจะซื้อที่ดินไว้รองรับโครงการแนวราบที่ต้องการขยายเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรในอนาคตให้มีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอและยั่งยืน
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2563 มีกำไรเบ็ดเสร็จรวม 115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 237% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรเบ็ดเสร็จ 34.30 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 720 ล้านบาท
ปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรไตรมาส 2/2563 เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯสามารถรับรู้รายได้จากยอดโอนโครงการแนวสูง เดอะโพลิแทน รีฟ สนามบินน้ำทยอยโอนเข้ามาเพิ่มจากที่มีการโอนมาตั้งแต่ต้นปี ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 6,300 ล้านบาท และโครงการ ทาวน์โฮม แบรนด์ "เอเวอร์ ซิตี้" มียอดโอนต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทฯยังรับรู้รายได้จากการขายที่ดิน จังหวัดเชียงใหม่ มูลค่า 520 ล้านบาท
"เราพอใจกับผลประกอบการในไตรมาส 2/2563 ที่ออกมา สามารถเติบโตได้ดี ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ แม้จะทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป มีผลให้การโอนโครงการเป็นไปได้ยากขึ้นก็จริง แต่ในโครงการแนวราบปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งโครงการทาวน์โฮม แบรนด์ "เอเวอร์ ซิตี้" ทั้ง 3 โครงการ และโครงการบ้านเดี่ยว แบรนด์ "มายโฮม อเวนิว" "ซิลเวอร์เลค พาร์ค" เฟส 2 มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท ซึ่งได้มีการเปิดขายรอบ VIP ที่ผ่านมา กลับมีผลตอบรับดีมาก"
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ถือว่าเป็นปีแห่งความท้าทายของผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการประคับประคองธุรกิจให้รอดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจรอบนี้ไปให้ได้ ซึ่งจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในการรับมือกับปัญหาที่ใหญ่กว่าในอนาคต และบริษัทฯได้เตรียมความพร้อมรับมือกับความเสี่ยงหรือโอกาสของธุรกิจที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างดี และมั่นใจว่าในปีนี้ผลประกอบการยังมีแนวโน้มที่ดี
นอกจากนี้ การที่บริษัทฯตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ปีนี้ไว้ที่ระดับ 5,000 ล้านบาทน่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ โดยที่ผ่านมา บริษัทฯมีการทำ Social online และการทำ Re-Marketing เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจให้กับลูกค้า ในส่วนการบริการด้านการขายนั้นมีการดำเนินการจัดทำเป็น Conference Call กับลูกค้า เพื่อดูวิวทิวทัศน์ ผ่าน Video call และยังมีภาพวิดีโอการขายแบบ 360 องศา ให้ลูกค้าสามารถเก็บไว้ดูได้ รวมถึงยังมีบริการจองและชำระเงินผ่าน E-payment ได้ เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งง่ายต่อการตัดสินใจของลูกค้า ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้อีกทาง