นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายรักษาการใช้อัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 90% ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้ตามเป้าหมายและบริหารสินค้าคงคลังให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่จะค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้นหลังภาครัฐคลายล็อกดาวน์จากมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมองว่าช่องทางจำหน่ายผ่านห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ จะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 3 และลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาฟื้นตัวได้ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ พร้อมกันนี้บริษัทก็จะมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนสายการผลิตไฟเบอร์ซีเมนต์ NT-11 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าไม้สังเคราะห์อีก จำนวน 5.5 หมื่นตัน คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาสสุดท้ายปีนี้ตามแผนงานที่วางไว้ และเริ่มเดินเครื่องจักรผลิตสินค้าเชิงพาณิชย์ได้ในต้นปี 2564 ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตของผลการดำเนินงานต่อไป
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 มีกำไรจากการดำเนินงาน 172.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน ที่มีกำไรจากการดำเนินงาน 150.92 ล้านบาท และหากรวมกำไรพิเศษจากการขายที่ดินที่ไม่ใช้ประโยชน์ จะมีกำไรสุทธิรวมเป็น 182.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.27% จากกำไรสุทธิ 132.05 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่รายได้รวม 1,211.59 ล้านบาท ลดลง 3.48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐเพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ช่องทางขายผ่านห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ต้องปิดให้บริการชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม ด้วยจุดแข็ง DRT ที่มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์สามารถนำไปก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลังและความสำเร็จด้านบริหารจัดการ Product Mix ที่ให้ผลกำไรต่อหน่วยที่ดี และการบริหารต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเป็นไปตามเป้าหมาย และช่วยสนับสนุนผลประกอบการช่วงครึ่งแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.63) มีกำไรจากการดำเนินงาน 340.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.60% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรจากการดำเนินงาน 316.54 ล้านบาท
ทั้งนี้ ด้วยความสำเร็จในช่วงครึ่งปีแรก จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกของปีนี้ต่อไป เพื่อตอกย้ำให้ DRT เป็นหุ้นปันผลที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
"ในไตรมาสที่ 2/63 แม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยต้องหยุดชะงักในช่วงที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อลดการแพร่ระบาดของ โควิด-19 แต่เรายังสามารถบริหารจัดการช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าที่ดี พร้อมบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพเพื่อผลักดันกำไรสุทธิจากการดำเนินให้เติบโตที่ดี และสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ DRT ได้เป็นอย่างดี"นายสาธิต กล่าว