สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (3 - 7 สิงหาคม 2563) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 354,776.24 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 70,955.25 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 86% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของ ตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 66% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 233,805 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่ง ส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 86,794 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 15,244 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24% และ 4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB24DB (อายุ 4.4 ปี) LB386A (อายุ 17.9 ปี) และ LB28DA (อายุ 8.4 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายใน แต่ละรุ่นเท่ากับ 17,419 ล้านบาท 12,803 ล้านบาท และ 9,511 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รุ่น TRUE212A (BBB+) มูลค่าการซื้อขาย 1,137 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) รุ่น GLOW218A (AA-) มูลค่าการซื้อขาย 953 ล้านบาท และหุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) รุ่น BAY20NA (AAA(tha)) มูลค่า การซื้อขาย 872 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวผันผวนเล็กน้อย ด้านปัจจัยในประเทศ ผลการประชุม กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี โดยประเมินว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ และการทยอยฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก แต่ยังต้องระวังความเสี่ยงจาก โอกาสเกิดการระบาดระลอกที่สอง ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.1% ต่อปี ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อน คลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 7.45 แสนล้านปอนด์ พร้อมทั้งส่งสัญญาณว่า จะไม่คุมเข้มนโยบายการเงินจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนตัวสู่ระดับเป้าหมายอย่างยั่งยืน
สัปดาห์ที่ผ่านมา (3 ส.ค. 63 - 7 ส.ค. 63) มีกระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ -4,143 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น(ST) (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 1,104 ล้านบาท และขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (LT) (อายุมากกว่า 1 ปี) -2,913 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ -2,335 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (3 - 7 ส.ค. 63) (29 - 31 ก.ค. 63) (%) (1 ม.ค. - 7 ส.ค. 63) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 354,776.24 190,598.25 86.14% 13,186,034.59 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 70,955.25 63,532.75 11.68% 89,094.83 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 117.69 117.67 0.02% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price index) 104.52 104.5 0.02% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (7 ส.ค. 63) 0.45 0.49 0.5 0.55 0.79 1.29 1.5 2.08 สัปดาห์ก่อนหน้า (31 ก.ค. 63) 0.45 0.49 0.5 0.55 0.78 1.27 1.52 2.07 เปลี่ยนแปลง (basis point) 0 0 0 0 1 2 -2 1