บมจ.ยูบิส (เอเชีย)(UBIS) คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้จะเติบได้ราว 20% จากปีก่อนที่มีกำไร 41 ล้านบาท แม้ว่าในด้านรายได้จะเติบโต 10-15% จาก 463 ล้านบาทในปี 49 เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นเป็น 33% จาก 29% ซึ่งเป็นการรับผลดีจากเงินบาทแข็งค่าที่ทำให้ต้นทุนการนำเข้าลดลง
"รายได้ปีนี้ที่เคยพูดไว้ว่าจะไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทนั้นจะได้แน่ๆ แต่อัตราการเดิบโตของกำไรจะสูงกว่า เพราะเราได้ผลดีจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า และการบริหารต้นทุนทำให้ gross margin สูงขึ้นในปีนี้" นายสวง ทั่งวัฒโนทัย ประธานกรรมการ UBIS กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้ารายได้เติบโต 10-15%จากปีก่อนที่มีรายได้ 463 ล้านบาท แม้ว่าในส่วนของกำไรสุทธิน่าจะเพิ่มขึ้น 20%จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 41 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทกำลังเร่งเพิ่มสัดส่วนการส่งออกจาก 40% ในปีนี้ เป็น 50% ในปี 51 ซึ่งเร็วขึ้นจากแผนเดิมที่กำหนดไว้ในปี 52 เนื่องจากตลาดในประเทศมีการแข่งขันค่อนข้างสูง ขณะที่ตลาดต่างประเทศมีขนาดใหญ่กว่ามาก
โดยตลาดจีนยังคงเป็นตลาดส่งออกที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทได้เปิดตลาดใหม่ที่ยุโรป ร่วมกับพันธมิตร คือ บริษัท Henkel จากเยอรมัน โดยขณะนี้ได้สั่งซื้อสินค้าจากบริษัทแล้ว และอนาคต หลังเปิดตลาดส่งออกที่ยุโรป คาดว่าจะสามารถจะขยายการส่งออกได้มากขึ้น
ขณะนี้ บริษัทยังไม่มีแผนการขยายกำลังการผลิต และหากมีออเดอร์เข้ามาเพิ่มก็จะยังไม่เพิ่มการผลิต แต่จะใช้วิธีเพิ่มเวลาการทำงาน ให้ใช้กำลังการผลิตเต็มที่ เพราะกำลังการผลิต ที่ปัจจุบันใช้อยู่ 83% ของกำลังการผลิตรวม 6 พันตัน/ปี ซึ่งยังขยายได้อยู่
นายสวง กล่าวว่า ราคาหุ้น UBIS ที่อยู่ระดับ 3 บาทขณะนี้จากราคา IPO ที่ 1.75 บาท เมื่อพ.ค.ที่ผ่านมา ถือว่าราคาเติบโตเท่าตัว คาดว่าน่าจะมาจาก P/E ตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับผลประกอบการของบริษัทออกมาดี
แต่บริษัทยังไม่ได้กำหนดจะจ่ายปันผลระหว่างกาลหรือไม่ อย่างไรก็ดี ตามนโยบายบริษัทจะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 40% ของกำไรสุทธิ
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--