STC คาดผลงาน H2/63 ดีจากทยอยส่งมอบงาน-สินค้าใหม่ ดันรายได้ทั้งปีเข้าเป้าโต 10%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 10, 2020 16:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ (STC) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งหลังปีนี้ คาดว่าจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงทยอยส่งมอบงาน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงานในมือที่รอส่งมอบราว 400 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานประเภทสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปี 63 เป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์คอนกรีตใหม่ตอบสนองงานระบบ Landscape ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อนำมาใช้ทดแทนผลิตภัณฑ์เก่า เริ่มมียอดขายเข้ามาในไตรมาส 3 นี้บางส่วนแล้ว และยังอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญารับงานใหม่เพิ่มเติมอีก จึงมั่นใจเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้า 10% จากระดับ 422 ล้านบาทในปีก่อน

สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/63 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการรวมจำนวน 97.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการฟื้นตัวของงานภาคเอกชนในพื้นที่เมืองพัทยา และงานสาธารณูปโภคของภาครัฐ สนับสนุนให้คอนกรีตสำเร็จรูปได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้น และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.96 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทสามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น และบริหารค่าใช้จ่ายได้ลดลง โดยยังคงความสามารถในการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้อย่างดี มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 27.42 ล้านบาท คิดเป็น 28% ของรายได้จากการขายและบริการ และเพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกปี 63 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการรวมจำนวน 227.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.07% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 15.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.42% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

"ภาพรวมไตรมาส 2/63 มีการเติบโต ในท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมีการล็อกดาวน์ปิดเมืองในจังหวัดชลบุรีราว 1 เดือน แต่ STC ไม่กระทบสถานการณ์ดังกล่าว เนื่องจากงานก่อสร้างยังคงเดินหน้าส่งมอบได้ตามแผน รับอานิสงส์การลงทุนงานโครงสร้างพื้นฐานในเมืองพัทยาและพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งงานนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการลงทุน EEC ที่เริ่มชัดเจนมากขึ้น"นายเอกชัย กล่าว

นายเอกชัย กล่าวอีกว่า ตามปกติในไตรมาส 2 จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน และวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ แต่บริษัทก็มีออร์เดอร์ในมือที่รอส่งมอบ ทำให้ยอดขายเติบโต และความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่นขึ้น จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ โดยในงวดไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น 4% ผันแปรตามยอดขายที่สูงขึ้น และมีค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง 1.34 ล้านบาท คิดเป็น 58% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปชำระคืนเงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงิน

อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 2/63 บริษัทมีสัดส่วนงานภาคเอกชนอยู่ที่ 20% และงานภาครัฐ 80% ส่วนใหญ่เป็นงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐบาล และเป็นโปรเจ็คท์ต่อเนื่องระยะยาวครอบคลุมการให้บริการในพื้นที่ภาคตะวันออกเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และขยายไปยังพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กระตุ้นให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ บริษัทเห็นสัญญาณงานภาคเอกชนเริ่มฟื้นตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานโครงการที่อยู่อาศัย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ