นายปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โมโน เทคโนโลยี (MONO) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้ปี 63 ปรับตัวลดลง 4-20% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2,184 ล้านบาท โดยประเมินทิศทางรายได้ไว้ใน 2 กรณี ได้แก่ กรณีเลวร้ายที่สุด (worst case) คาดว่าจะลดลง 20% เป็น 1,742 ล้านบาท หากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รุนแรงขึ้นในครึ่งหลังปีนี้ ก็อาจกระทบกับรายได้ค่าโฆษณาให้ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่หากสถานการณ์ไม่ได้รุนแรง และสามารถควบคุมได้เหมือนในปัจจุบันนี้ คาดว่าเอเจนซี่หลายรายจะออกมาใช้จ่ายด้านโฆษณามากขึ้น ทำให้กรณีที่ดีที่สุด (best case) รายได้จะลดลง 4% เป็น 2,103 ล้านบาท
ทั้งนี้ สมมติฐานมองว่าในกรณี worst case ธุรกิจทีวีดิจิทัลช่อง MONO 29 จะมีรายได้เติบโต 160% จากครึ่งปีแรก แต่ในกรณี best case คาดเติบโต 215% จากครึ่งปีแรก ส่วนของ Monomax มองว่าหากได้พันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งด้านการตลาด หรือสิทธิประโยชน์ มากกว่า 1 ราย ถือว่าจะเป็นกรณีที่ดี ส่วนของ Online ad และกิจกรรมออนไลน์ต่าง ๆ (activation) หากในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ สามารถดำเนินการจัดกิจกรรมได้ตามปกติ จะส่งผลดีต่อรายได้ให้กับทาง MONO แต่หากยังมีการควบคุมด้านสาธารณสุขที่เข้มงวด ก็จะเป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุด
ขณะที่ธุรกิจ Shopping นอกจากการจัดช็อปปิ้งอยู่บนรายการของ MONO29 แล้ว ยังมองถึงการร่วมมือการทำรายการดังกล่าวไปยัง 3BBTV ด้วย และจากการที่ 3BB เตรียมที่จะประกาศเปิดตัว 3BBTV ในไตรมาส 4/63 ซึ่งจะมาในรูปแบบของกล่องเคเบิลทีวี ที่มีฟังก์ชันปฏิสัมพันธ์ ในโหมดซื้อของ พูดคุยผ่านทีวีได้ เป็นต้น ก็จะส่งผลดีต่อบริษัทฯ เนื่องด้วยบริษัทฯ เป็นตัวแทนในการจัดหาคอนเทนท์ ไม่ว่าจะเป็น HBO, BBC, CNN, มวยปล้ำ WWE และรายการกีฬาเอ็กซ์ตรีม และยังเป็นผู้ทำการตลาดให้ด้วย ก็คาดการณ์ว่าบริษัทฯ จะมีรายได้จากการทำในส่วนนี้อยู่ที่ 180 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ตามหากแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ในกรณี worst case ในปี 63 จะมาจากธุรกิจทีวีดิจิทัลเป็นหลัก ที่ 69%, Monomax 19%, Online ad & activation 6% ที่เหลือจะเป็น Shopping และ อื่นๆ ส่วนในกรณี best case สัดส่วนรายได้ก็จะใกล้เคียงกัน แต่จะเพิ่มขึ้นในส่วนของ Shopping และอื่นๆ ราว 1%
"เรามองว่าในปี 63 เราเจอผลกระทบจากโควิด-19 ค่อนข้างหนัก แต่โชคดีที่เราได้มีการปรับตัวตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมาไปแล้ว และเมื่อเกิดโควิด-19 เราก็มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องของการทำงานของพนักงาน ขณะเดียวกันก็มองว่าทั้งปีนี้ทุกธุรกิจก็คงได้รับผลกระทบกันหมด ซึ่งเราจะพยายามพยุงธุรกิจให้ได้มากที่สุด คาดว่ารายได้ปีนี้จะลดลง 4-20% ส่วน EBITDA Margin จะคงอยู่ 30-40%" นายปฐมพงศ์ กล่าว
นายปฐมพงศ์ กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นในเรื่องของการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้รัดกุมมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการลดต้นทุนการผลิตภาพยนตร์และซีรี่ย์ คาดว่าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายราว 400 ล้านบาทต่อปี ส่วนการประหยัดค่าใช้จ่ายอื่นๆ จะมาจากการที่บริษัทฯ ได้ปรับลดขนาดของบริษัทฯ ลง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าจ้างพนักงานอย่างน้อย 170 ล้านบาทต่อปี รวมถึงการย้ายสำนักงานไปยังออฟฟิศใหม่ของตัวเอง จะช่วยประหยัดเรื่องของค่าเช่า และส่วนที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่เช่าอีก 50 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งงบการตลาด ก็คาดว่าจะลดลงประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี
ส่วนธุรกิจหลักทีวีดิจิทัล MONO29 ในปีนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายเรทติ้งเป็นอันดับที่ 3 ในประเทศไทย โดยปรับรายการข่าวให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทำให้โมโนมีความแข็งแรงทั้งช่วงข่าวและภาพยนตร์ เพื่อผลักดันเรทติ้งของช่องเพิ่มขึ้น รวมถึงปรับปรุงราคาค่าโฆษณา ในรูปแบบ Volume discount เป็นต้น, Monomax ในเดือนมี.ค.63 มียอดผู้ใช้งานเติบโตเป็น 3.5 แสนราย โดยปีนี้ตั้งเป้ามีสมาชิกเพิ่มเป็น 4 แสนราย จากปีก่อนอยู่ที่ 3.3 หมื่นราย ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้ ส่วนหนึ่งมากจาก Monomax ได้เข้าไปอยู่ในแพ็คเกจของ 3BB GIGA Tainment ที่เป็นแพ็คเกจที่สามารถดูได้ทั้ง HBO GO และ Monomax ด้วยความเร็วอินเทอร์เน็ตบ้าน 1Gbps/200 Mbps และธุรกิจโฮมช็อปปิ้ง หรือ 29 Shopping คาดมีรายได้ปีนี้จะเติบโต 91% เป็น 130 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 68 ล้านบาท