IRPC วาง 3 กลยุทธ์รับมือโควิด-สงครามราคาน้ำมัน หนุนผลงาน Q2/63 ดีขึ้นจาก Q1

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 11, 2020 17:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนพดล ปิ่นสุภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า บริษัทวาง 3 กลยุทธ์เพื่อรับมือความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่เกิดจากสถานการณ์โควิด-19 และสงครามราคาน้ำมันทั้งในระยะสั้น และระยะยาว รักษาความสามารถในการแข่งขันและความสามารถในการทำกำไร ได้แก่

1. Maintain Strong Market Position สำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ด้วยการขยายส่วนแบ่งการตลาดในประเทศ ควบคู่ไปกับ การเสาะหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ในส่วนของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี นอกจากการติดตามสินค้าคงคลังของลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถเข้าถึงและรู้ถึงความต้องการของลูกค้าแล้ว IRPC ยังมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มที่ตอบโจทย์วิถีการดำรงชีวิตรูปแบบใหม่ (New Normal) และ Mega trend โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ด้วยรูปแบบ และวิธีการทำงานร่วมกันระหว่างลูกค้า ฝ่ายการตลาด และนักวิจัยของ IRPC เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางการขายผ่าน E - Commerce

2. CAPEX & OPEX Reduction จัดลำดับความสำคัญของโครงการลงทุนและปรับลดค่าใช้จ่ายดำเนินงาน และ 3. โครงการ Strengthen IRPC บริหารจัดการสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เช่น การเพิ่มปริมาณน้ำมันดิบคงคลังในช่วงราคาต่ำ (Strategic Crude) เพิ่มช่องทางจำหน่ายน้ำมันทั่วประเทศผ่านระบบท่อ ขุดลอกร่องทางเดินเรือรองรับเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งน้ำมันดิบต่อหน่วย พร้อมทั้งนำระบบดิจิทัลมาใช้ทั่วทั้งองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนในระยะยาว

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 IRPC มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 4,669 ล้านบาท หรือ 8.46 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 27% จากต้นทุนน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี โดยเฉพาะกลุ่มบรรจุภัณฑ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมส่วนใหญ่ยังคงถูกกดดันจากความต้องการที่ปรับตัวลดลง จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19

ส่วนความผันผวนของราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 2/63 โดยในช่วงต้นไตรมาสปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/63 และเริ่มฟื้นตัวในเดือนพฤษภาคม 2563 ทำให้ IRPC มีกำไรจากสต็อกน้ำมันสุทธิรวม 89 ล้านบาท หรือ 0.17 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่งผลให้ IRPC มีกำไรจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM) จำนวน 4,758 ล้านบาท หรือ 8.63 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เทียบกับไตรมาสก่อนที่มีผลขาดทุนของ Accounting GIM จำนวน 3,146 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 มีผลขาดทุนสุทธิ 411 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1 ถึง 8,494 ล้านบาท

"แม้ว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบทุกภาคส่วนและก่อให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก แต่บริษัทฯ เล็งเห็นถึงโอกาสภายใต้วิกฤติจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมทั้งต้นทุนในการซื้อน้ำมันดิบ (Crude Premium) ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 ของ IRPC ปรับตัวดีขึ้น"นายนพดล กล่าว

นายนพดล กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งปีหลังความต้องการผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกกลุ่มบรรจุภัณฑ์ ยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านปรับตัวสูงขึ้น ราคาน้ำมันดิบครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ประมาณ 40-45 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ซึ่งบริษัทฯอาจได้รับประโยชน์จาก Stock gain และจากปริมาณความต้องการของตลาดจะปรับตัวดีขึ้น เป็นผลมาจากการทยอยผ่อนคลายมาตรการล๊อคดาวน์ของหลายประเทศ ที่ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาดำเนินการได้มากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ