นายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) เปิดเผยว่า แนวโน้มยอดขายโครงการแนวราบในปี 63 คาดว่าจะทำได้ทะลุเป้า 2.25 หมื่นล้านบาท หลังจากยอดขายโครงการแนวราบในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาทำได้แล้ว 1.55 หมื่นล้านบาท เพราะพฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยของคนได้หันมาซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการทาวน์โฮมที่ได้รับความนิยมมากขึ้น และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในช่วงอายุ 26-30 ปี ซึ่งมีความต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นในราคาที่สามารถจับต้องได้ ทำให้สัดส่วนของคนในกลุ่มดังกล่าวหันมาซื้อโครงการทาวน์โฮมเพิ่มขึ้นเป็น 40% จากปีก่อนที่ 36% ทำให้ยอดขายโครงการแนวราบถือว่าเติบโตได้ 11% ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
บริษัทฯ เห็นถึงปัจจัยบวกของการเติบโตตลาดทาวน์เฮาส์จึงได้รุกการเปิดโครงการทาวน์โฮมอีก 13 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.53 หมื่นล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลัง แบ่งเป็น โครงการบ้านกลางเมือง ระดับราคา 4-8 ล้านบาท จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7.85 พันล้านบาท ซึ่งจะเปิดขายในเดือนก.ย.ที่จะถึงนี้ จำนวน 2 โครงการ เดือนต.ค.63 จำนวน 2 โครงการ และเดือนพ.ย.63 อีก 1 โครงการ และโครงการ Pleno ระดับราคา 2-4 ล้านบาท จำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7.49 พันล้านบาท ซึ่งจะเปิดขายในเดือนส.ค.นี้ จำนวน 5 โครงการ และเดือนต.ค.63 อีก 3 โครงการ
ด้านยอดโอนของโครงการแนวราบยังคงมั่นใจว่ารายได้ของโครงการแนวราบยังคงเป็นไปตามเป้าที่ 2.02 หมื่นล้านบาท หลังจากที่ครึ่งปีแรกมียอดโอนโครงการแนวราบเข้ามาแล้ว 50% ของเป้าหมาย หรืออยู่ทำได้ 1.13 หมื่นล้านนบาท ซึ่งยังมีการโอนเข้ามาต่อเนื่องทั้งจากโครงการที่ใหม่ที่เปิดในครึ่งปีแรก และโครงการที่อยู่ระหว่างการขายโดยที่มีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ในส่วนของโครงการแนวราบอยู่ในปัจจุบันที่ 9.14 พันล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมด 4.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ Backlog ของโครงการแนวราบส่วนใหญ่ได้ทั้งหมดภายในครึ่งปีหลังของปี 63 นายภมร กล่าวถึงภาพรวมของบริษัทในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา สามารทำยอดขายได้แล้ว 1.81 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายรวม 3.35 หมื่นล้านบาท โดยที่โครงการแนวราบยังสร้างยอดขายเข้ามาให้กับบริษัทได้อย่างโดดเด่น และยังมั่นใจรายได้รวมยังคงทำได้ตามเป้าหมาย 4.05 หมื่นล้านบาท จากการใช้กลยุทธ์ "Empower Living" ที่บริษัทหันมาแข่งขันกับตัวเองมากขึ้น เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก นอกจากในเรื่องทำเลรูปแบบที่อยู่อาศัย ราคา แต่ยังคำนึงถึงพฤติกรรมของลูกค้าที่ปรับเปลี่ยนไป ทำให้บริษัทหันมาให้ความสำคัญการการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลากหลายด้านทั้งที่อยู่อาศัยและสิ่งอำนวยความสะดวกมากควบคู่กัน ส่งผลให้ในครึ่งปีแรกของปี 63 บริษัททำผลงานได้โดดเด่นเติบโตมีรายได้รวมครึ่งปีแรก 1.99 หมื่นล้านบาท ทำสถิติรายได้สูงสุดครั้งใหม่ของบริษัท จากความไว้วางใจของลูกค้าที่ให้กับเอพี
สำหรับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่ออัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัทเพิ่มขึ้นมาเป็น 25% ในปัจจุบัน จากช่วงต้นปีก่อนโควิด-19 อยู่ที่ 15% แต่ถือว่ายังไม่ส่งผลกระทบการโอนโครงการของบริษัท โดยที่บริษัทได้ช่วยเหลือลูกค้าในการให้คำปรึกษาวางแผนการเตรียมตัวก่อนการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคาร และยังมีการร่วมกับธนาคารพันธมิตรในการทำแคมเปญให้กับลูกค้า เพื่ออำนวยความสะดวกในการกู้ของลูกค้าอีกด้วย