นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ ผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ไทยรีประกันชีวิต (THREL) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/63 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยต่อที่ถือเป็นรายได้สุทธิ จำนวน 582 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 6% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ตามเบี้ยประกันภัยต่อรับที่เติบโตราว 4% แตะ 725 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของงานประกันชีวิตแบบร่วมพัฒนา (Non-Conventional) โดยเฉพาะสัญญาประกันสุขภาพที่เติบโต 11% ตามแนวโน้มตลาดที่เพิ่มสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีนี้ หลังผู้บริโภคมีความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของประกันมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัย จำนวน 593 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุสำคัญเกิดจากภาระสินไหมทดแทน (เคลม) คงค้างจากสัญญาประกันสุขภาพที่ได้ยกเลิกไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งภาระดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะที่รายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 16 ล้านบาท ปรับลดลงตามสภาวะตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เกิดความผันผวนอันเนื่องมาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเหลือราว 6 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 49 ล้านบาท ส่งผลให้ครึ่งปีแรกบริษัท มีกำไรสุทธิที่ 35 ล้านบาท
แม้ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตจะได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่เบื้องต้นคาดว่า ช่วงครึ่งหลังของปี 63 ต่อเนื่องไปในระยะยาวจะสดใสขึ้น เนื่องจาก "ประกัน" ถือว่ามีความจำเป็นต่อทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค โดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น บริษัทจึงเร่งเดินหน้าจับมือพันธมิตร คิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมไปถึงการพัฒนา Digital Platform ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุค New Normal
"ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างร่วมมือกับพันธมิตรในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อาทิ ประกันโรคร้าย เป็นต้น รวมถึงการเร่งพัฒนาดิจิทัล แพลทฟอร์ม เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึง และตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุค New Normal" นายสุทธิ กล่าว
ปัจจุบันบริษัทยังมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงและแข็งแกร่ง โดยล่าสุดสถาบันจัดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล A.M. Best ได้คงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ ไว้ที่ A- หรืออยู่ในระดับ "แข็งแกร่ง" สะท้อนฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และขีดความสามารถในการขยายงานทั้งในและต่างประเทศ สนับสนุนการเติบโตในอนาคต