นายอมิต ปรากาซ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) (PTL) เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานของบริษัท ในไตรมาส 1 รอบปีบัญชี 63/64 (1 เม.ย.-30 มิ.ย. 63) ได้รับปัจจัยจากอุตสาหกรรมแผ่นฟิล์ม PET ชนิดบาง ที่ใช้ในบรรจุภัณฑ์อาหารขยายตัว 30-40% ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถือเป็นสินค้าหลักของบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 70-75% ของรายได้รวม ประกอบกับราคาวัตถุดิบลดลง ส่งผลให้กำไรปกติหลังหักภาษี อยู่ที่ 818 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อนึ่ง PTL รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 63/64 มีกำไรสุทธิ 1,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 636 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายอมิต กล่าวอีกว่า สำหรับไตรมาส 2 รอบปีบัญชี 63/64 (ก.ค.-ก.ย.63) คาดว่าความต้องการแผ่นฟิล์ม PET ชนิดบางในอุตสาหกรรมอาหารยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ Flexible Packaging แต่เป็นไปในทิศทางชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก เนื่องจากผู้บริโภคคลายความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดโควิด- 19 อย่างไรก็ตาม ด้วยประสิทธิภาพการผลิตจะช่วยผลักดันให้บริษัทเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์แผ่นฟิล์ม PET ชนิดหนา ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ในช่วงที่ผ่านมาจะชะลอตัวลง แต่คาดว่าจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามสภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ PET ชนิดหนา ที่มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 25-30% ของรายได้รวมของบริษัทให้มีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้น
"ผลการดำเนินงานทางการเงินของ PTL ได้รับการสนับสนุนจากสถานะที่แข็งแกร่งของ บริษัท ในฐานะผู้ผลิตฟิล์ม PET รายใหญ่อันดับ 5 ของโลก และการบริหารการผลิตแผ่นฟิล์มมาตรฐานและแผ่นฟิล์มชนิดพิเศษ ประกอบกับการมีฐานลูกค้าที่มั่นคงและการสร้างสรรนวัตกรรมผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องจึงช่วยสนับสนุนการเติบโตได้ดี"นายอมิต กล่าว
ทั้งนี้ PTL ได้จัดสรรงบประมาณประมาณ 90-100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มผลผลิตและยกระดับกำลังการผลิตในอินโดนีเซียไทยและตุรกี ขณะเดียวกันก็มั่นใจว่าโรงงานในสหรัฐฯ ของบริษัทจะมีประสิทธิภาพการผลิตที่ดีที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง