นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเชียกรีน เอนเนอจี (AGE) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในครึ่งหลังปีนี้บริษัทยังคงเดินหน้าขยายแผนการลงทุนทั้งธุรกิจถ่านหิน และ ธุรกิจโลจิสติกส์ด้านการขนส่ง อย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นทำการตลาดเชิงรุกเพื่อเจาะตลาดในประเทศ และต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม ซึ่งบริษัทได้มีการเพิ่มศักยภาพทีมบุคลากรบุกตลาดเชิงรุกมากขึ้น หลังจากได้ลงทุนก่อสร้างคลังถ่านหินและโรงงานคัดแยก ที่มีระบบบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในประเทศเวียดนาม เพื่อรองรับความต้องการใช้ถ่านหินที่เพิ่มในเวียดนาม
นอกจากนี้ ยังวางกลยุทธ์บุกตลาดกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างต่อเนื่อง และเร่งขยายตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมียอดคำสั่งซื้อบิ๊กล็อต (Big Lot) จำนวน 1.2 ล้านตันเข้ามาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะทยอยส่งมอบในครึ่งปีหลังของปีนี้ถึงต้นปี 2564
"บริษัทวางกลยุทธ์ในการเจาะตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะเวียดนาม ที่เรามีความพร้อมของคลังสินค้าในประเทศดังกล่าวอยู่แล้ว และขยายตลาดกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้น เนื่องจากมองว่า กลุ่มประเทศดังกล่าวยังคงมีความต้องการใช้ถ่านหินอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากยอดนำเข้าถ่านหินของประเทศเวียดนาม ในช่วงครึ่งปี 2563 ที่อยู่ที่ 31 ล้านตัน ซึ่งจากปัจจัยนี้ ทำให้A GE จึงเร่งเดินหน้าขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น"นายพนม กล่าว
นายพนม กล่าวอีกว่า การขยายการลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ด้านการขนส่ง ปัจจุบันธุรกิจโลจิสติกส์โดยเฉพาะด้านขนส่งทางน้ำ-ทางบก มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยบริษัทได้มีการทำสัญญาเพื่อขนส่งสินค้าให้กับ กลุ่มลูกค้ารายใหญ่ ปริมาณรวม 2 ล้านตัน หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 340 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการเพิ่มจำนวนเรือลำเลียงในปี 2563 ครบ 36 ลำ และมีรถบรรทุกครบทั้งหมด 51 คัน พร้อมทั้งเตรียมขยายท่าเรือที่ 4 ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของบริษัทที่ครอบคลุมการให้บริการที่ครบวงจร
ส่วนการลงทุนของบริษัทร่วมทุน ภายใต้ บริษัท แอท เอนเนอจี โซลูชั่น จำกัด นั้นมองว่า ครึ่งปีหลัง คาดว่าการซื้อกิจการโรงไฟฟ้าโซลาร์ ขนาด 5 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงปลายปี สำหรับธุรกิจจำหน่ายไอน้ำ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโครงการและติดตั้ง Boiler ขนาด 6 ตัน เพื่อผลิตไอน้ำในกระบวนการผลิต คาดว่าจะแล้วเสร็จและรับรู้รายได้ในช่วงปลายปีนี้เช่นเดียวกัน
ในปีนี้บริษัทมั่นใจว่ายอดขายถ่านหินจะสามารถทำได้ตามเป้าที่ระดับ 3.5 ล้านตัน ตามที่คาดการณ์ไว้ ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ระดับ 10% ของรายได้รวม พร้อมกันนี้หากพิจารณาด้านฐานะทางการเงินของบริษัท ก็นับว่ามีความแข็งแกร่ง ด้านสภาพคล่องทางการเงินอย่างมาก โดยเห็นปัจจุบันมีกำไรสะสมในมือสูงถึงกว่า 700 ล้านบาท ขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) 1.87 เท่า ซึ่งบริษัทพยายามรักษาระดับไม่เกิน 2 เท่า สาเหตุที่บริษัทมีสภาพคล่องที่ดี เป็นผลมาจากการบริหารต้นทุนและบริหารความเสี่ยงที่ดีในช่วงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างแผนศึกษาขยายการลงทุน เพื่อต่อยอดธุรกิจในอนาคตเพิ่มเติม
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 2/63 มีรายได้ 1,342.7 ล้านบาท ลดลง 21.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 10.2 ล้านบาท ลดลง 85.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 71.2 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรก 2563 ของบริษัทมีรายได้รวม 3,388.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 3,365.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิ อยู่ที่ 51.3 ล้านบาท ลดลง 66.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 151.8 ล้านบาท