นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกกันราว 1% เช่นเดียวกับตลาดในยุโรป และตลาดสหรัฐฯ ที่ต่างก็ปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า จากความคาดหวังพัฒนาการวัคซีนต้านโควิด-19 ของรัสเซีย และข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ออกมาดีด้วย ประกอบกับราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวขึ้นหลังจากที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 ส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 2.9 ล้านบาร์เรล ทำให้น่าจะไปหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯก็อ่อนค่าลงด้วย ทำให้ไปช่วยหนุนสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคาดว่าหุ้นใกนลุ่มอิเล็กทรอนิกส์น่าจะปรับตัวขึ้นได้ดีในวันนี้หลังจากที่ผลประกอบการออกมาดี อย่างไรก็ดีตลาดฯก็มีปัจจัยถ่วงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ยังล่าช้าอยู่ สำหรับการปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI ก็ปรากฏว่างวดนี้ไม่มีหุ้นไทยเข้า/ออก
พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในช่วงโค้งสุดท้าย และรอดูผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยงวดไตรมาส 2/63 ที่จะประกาศในวันที่ 17 ส.ค.นี้ โดยให้แนวรับ 1,330-1,327 จุด ส่วนแนวต้าน 1,350-1,355 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,976.84 จุด เพิ่มขึ้น 289.93 จุด (+1.05%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,380.35 จุด เพิ่มขึ้น 46.66 จุด (+1.40%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,012.24 จุด เพิ่มขึ้น 229.42 จุด (+2.13%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 279.40 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 8.91 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 246.00 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 88.52 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 22.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11.60 จุด, ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 7.49 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ส.ค.63) 1,336.84 จุด เพิ่มขึ้น 14.83 จุด (+1.12%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 497.37 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ส.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 ส.ค.63) ปิดที่ 42.67 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.06 ดอลลาร์ หรือ 2.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 ส.ค.) อยู่ที่ 0.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.05 แข็งค่า นลท.รอมาตรการคลังสหรัฐ-ความผันผวนราคาทอง
- ราคาทองคำผันผวนหนัก ในประเทศปรับราคาวันเดียว 42 ครั้ง มากสุดเป็นประวัติการณ์ ล่าสุดปิดตลาดลดลง 850 บาทต่อบาททองคำ "จิตติ" เตือนนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวัง แนะรอดูสถานการณ์อย่าพึ่งรีบชิงซื้อ เหตุแนวโน้มยังลงได้อีก ด้าน "วายแอลจี" ชู 5 สาเหตุทุบราคาร่วงหนัก ทั้งข่าววัคซีน เศรษฐกิจสหรัฐดีเกินคาด บอนด์ยีลด์พุ่ง ดอลลาร์แข็ง ทั้งยังเผชิญ แรงขายทางเทคนิค ขณะ "บิทคอยน์" รูดตาม หลังทองคำเผชิญแรงขายหนัก
- จับตา 13 ส.ค.นี้ ครม.เคาะขยายสัมปทาน BTS สายสีเขียวเพิ่ม 30 ปี พร้อมยืดระยะทางเป็น 66.4 กม. เก็บค่าโดยสารตลอดสายสูงสุด 65 บาท แลกหนี้แสนล้านบาท
- นายชโยดม สุวรรณวัฒนะ ประธานกลุ่มคนปลูกปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ราคาปาล์มทะลายยังเคลื่อนไหวในระดับต่ำกว่าต้นทุนอย่างมากและเฉลี่ยประมาณกิโลกรัม (กก.) ละ 3.40 บาท ต่ำกว่าต้นทุนเพาะปลูกอยู่ที่ กก.ละ 3.80 บาท ทำให้เกษตรกรขาดทุน แม้รัฐบาลมีโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน และได้รับชดเชยที่ กก.ละ 4 บาท ก็ยังไม่ชดเชยส่วนที่แบกรับต้นทุนสูงและได้รับชดเชยในพื้นที่ไม่เกิน 25 ไร่ต่อครอบครัว ซึ่งโครงการประกันรายได้เป็นเพียงซื้อเวลาหรือลดกระแสการเรียกร้องของเกษตรกร อยากให้ระดมความเห็นและแก้ปัญหาในระยะยาว
- นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 3 ของปีงบประมาณ 2563 มีนักลงทุนที่ยื่นคำขอใบอนุญาตแจ้งเริ่มประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศที่เปิดดำเนินการแล้ว 33 แห่ง โดยพบว่าจำนวนผู้ประกอบการแจ้งเริ่มประกอบกิจการ รวมทั้งสิ้น 163 ราย แบ่งออกเป็นการขออนุญาตประกอบกิจการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จำนวน 104 ราย และนิคมอุตสาหกรรมนอกพื้นที่ EEC จำนวน 59 ราย ทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 14,698 ราย รวมมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 74,395 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2562 (ต.ค.61-มิ.ย.62) มีผู้ยื่นคำขอใบอนุญาต เพิ่มขึ้น 41 ราย
- นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เร่งไปหาแนวทางหรือมาตรการกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวทางเรือ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวคนไทยมาใช้บริการมากขึ้น พร้อมเชิญทูตประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่อยู่ในไทยประมาณ 350 คน มาล่องเรือท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผู้ประกอบธุรกิจเรือท่องเที่ยวทางแม่น้ำเจ้าพระยาต้องหยุดให้บริการจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนไม่มีรายได้เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 85 บาท เป็นหนึ่งในหุ้นแนะนำในเดือน ส.ค.63 ประกาศกำไร Q2/63 แม้จะหดตัวแรง -49% Q-Q, -40% Y-Y แต่มองผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แนวโน้ม H2/63 ฟื้นตัวตามการ Reopen คาดกำไรปี 2563 –18% Y-Y ส่วน Story ปีหน้าคือการรวม Tesco และขยายสาขาในกัมพูชาโดยคาดกำไรปี 2564 +25% Y-Y
- BTS (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 13.50 บาท คาดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นสู่ระดับปกติหลังคลายล็อกดาวน์ และทุกโรงเรียนทั่วประเทศเปิดเรียนเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีเก็งกำไรจากการประชุม ครม. ลงมติอนุมัติขยายเวลาสัมปทานสายสีเขียวเพิ่มเป็น 30 ปี