TPBI ยืนยันเป้ารายได้ปีนี้ 6 พันลบ.รับผลดีโควิดหนุนคำสั่งซื้อกลุ่มอุปโภคบริโภค

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 13, 2020 10:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมศักดิ์ บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีพีบีไอ (TPBI) เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตเพิ่มเป็น 6,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 5.4 พันล้านบาท โดยจะไม่มีการทบทวนเป้าหมายลดลง

อนึ่ง ก่อนหน้านี้บริษัทมีแผนจะทบทวนเป้าหมายรายได้ปีนี้หลังจากโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อราคาต้นทุนวัตถุดิบลดลงตามราคาน้ำมัน ทำให้กลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกจะต้องปรับราคาลงให้สอดคล้องกับราคาต้นทุน ซึ่งอาจกระทบต่อรายได้

แต่ขณะนี้บริษัทคาดว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 2/63 เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีผลกระทบทางบวกมากกว่าทางลบ โดยเฉพาะในกลุ่มบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค (Consumable) ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าและให้กับตอบรับเป็นอย่างดี จึงช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของบริษัทในภาพรวมได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้น หลังจากมีการคลายมาตรการปิดเมือง (Lockdown) ส่งผลให้คำสั่งซื้อเริ่มกลับมาในทุกๆ กลุ่มสินค้า โดยกลุ่มบรรจุภัณฑ์กลุ่ม Multi-layer film ยอดคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ๆ เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ของภาคการผลิตฟื้นตัว ส่วนบรรจุภัณฑ์ประเภท Flexible Packaging ลูกค้าเริ่มกลับมาทยอยส่งคำสั่งซื้อให้กับบริษัทอีกครั้ง และถุงกระดาษที่ขายในอังกฤษยังมีคำสั่งซื้อกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายระยะยาวในการผลักดันอัตรากำไรสุทธิให้กลับไปอยู่ที่ระดับ 7-8% หลังจากที่ไตรมาส 2/63 ปรับขึ้นมาที่ 5.5% แล้วจากที่ปรับลดลงไป โดยเป็นผลมาจากการที่บริษัทได้ปรับปรุงโครงสร้างภายใน และปรับการผลิตสินค้าให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภคในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันได้เริ่มเห็นผลแล้ว และบริษัทเชื่อว่าในระยะยาวการทำกำไรจะกลับมาเหมือนช่วงเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ช่วงแรกๆ

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/63 บริษัทมีกำไรสุทธิ 81.79 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6.8 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้รวม 1,424.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากรายได้ในประเทศ 32% และรายได้จากต่างประเทศ 68% ตลาดส่งออกหลัก คือ สหรัฐ 26% อังกฤษ 11% ออสเตรเลีย 17% และญี่ปุ่น 6% ส่วนที่เหลือจากประเทศอื่นๆ ขณะที่ทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง บริษัทยืนยันว่าจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เนื่องจากได้ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้อย่างเหมาะสมแล้ว "จะเห็นว่าในช่วงไตรมาส 2/63 เรากลับมาฟื้นตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเป็นผลมาจากที่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเราได้มีการปรับปรุงโครงสร้างภายในใหม่ และเราก็ได้มีการปรับการผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ค่อนข้างดี ขณะที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลทั้งทางบวกและด้านลบ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผลบวกมากกว่า เราจึงได้รับแรงหนุนตรงนี้ด้วย ขณะที่ระยะยาวเรายืนยันว่าการทำกำไรจะกลับมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงที่เราเข้ามาตลาดช่วงแรกๆ"นายสมศักดิ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ