นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดโครงการแนวราบอีก 7 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 7,800 ล้านบาท พร้อมกับโครงการที่เปิดขายต่อเนื่อง จำนวน 51 โครงการ มูลค่าคงเหลือเพื่อขายรวมกว่า 40,500 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 43 โครงการ และคอนโดมิเนียม 8 โครงการ
"ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าและบริการคุณภาพสูง เรามั่นใจว่า ในครึ่งปีหลัง บ้าน SC ยังได้รับผลตอบรับที่ดี และทำยอดขายดีต่อเนื่อง สนับสนุนให้บริษัททำรายได้ในปีนี้ได้ตามเป้าหมาย 17,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมี Secured Revenue หรือ รายได้รวมยอดขายรอโอนภายในปีนี้ (Backlog) ถึง 75% ของเป้าหมาย"นายณัฐพงศ์ กล่าว
นายณัฐพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีสภาพคล่องและสถานะทางการเงินมั่นคงแข็งแกร่ง ปัจจุบันมีเงินสดและวงเงินกู้พร้อมเบิกกว่า 8,000 ล้านบาท จากการสนับสนุนด้วยดีของสถาบันการเงิน มีสัดส่วนระดับหนี้ต่อส่วนทุน (IBD/E) ณ สิ้นไตรมาส 2/63 เท่ากับ 1.38 เท่า และเห็นสัญญาณที่ดีของการกลับเข้าลงทุนในตลาดตราสารหนี้ของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน
โดยปัจจุบันบริษัทมีแผนจะลงทุนซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาแนวราบในปี 2565 พร้อมงบประมาณสำหรับพัฒนาโครงการรวมกว่า 8,000 ล้านบาท ขณะในส่วนที่ดินรองรับโครงการใหม่ที่จะเปิดขายในปีหน้าบริษัทได้เตรียมไว้ครบแล้ว
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา นับว่าเติบโตสวนกระแสระหว่างช่วงสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากลูกค้ามีความต้องการบ้านเพิ่มขึ้น และด้วยปัจจัยความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าและบริการ พร้อมกับมีบ้านทุกระดับราคา ในทำเลศักยภาพครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล ทำให้บ้าน SC ขายดีมาก และ ทำสถิติยอดขายรายไตรมาสสูงสุดในช่วงไตรมาส 2/63 โดยมียอดขายรวม 6,220 ล้านบาท เติบโต 47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ มาจากยอดขายแนวราบ 5,652 ล้านบาท เติบโตพุ่งถึง 116%
กรณีดังกล่าวผลักดันให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกเติบโตดีมาก โดยมีรายได้รวม 7,888 ล้านบาท เติบโต 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 7,861 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้หลักมาจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 95% และอีก 5% เป็นรายได้จากการเช่าและบริการ พร้อมด้วยกำไรสุทธิ 757 ล้านบาท เติบโต 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดขายรวม 8,202 ล้านบาท เติบโต 17%
SC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯในไตรมาส 2/63 มีกำไรสุทธิ 456.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไร 282.46 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน