นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีเอ็มโอ (CMO) เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 3-4 นี้ คาดว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากเร่งปรับกลยุทธ์ต่าง ๆ มาฟื้นฟูกิจการ พร้อมทั้งรุกงานอีเวนต์ออนไลน์ รวมไปถึงการร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนแนวทางการจัดงานรูปแบบไฮบริด อีเวนต์ มีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการเจ้าของแบรนด์ต่างๆ เริ่มมีกำลังใจและความเชื่อมั่นในการจัดงาน
ทั้งนี้ จะเห็นได้จากกระแสการตอบรับของผู้เข้าร่วมงานแฟร์ใหญ่ๆ ที่จัดขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นงาน Motor Expo 2020, งาน HomePro Expo 2020 ปรากฎว่ามีผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมากเกินความคาดหมาย ซึ่งส่งผลให้แบรนด์ต่างๆ เริ่มที่จะเร่งจัดงานในลักษณะนี้เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่บริษัทยังมีงานที่มีความต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3-4 รวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท และอยู่ในระหว่างพัฒนางานให้ลูกค้าอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีงานในส่วนของพิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้ เข้ามาเสริมรายได้ให้กับบริษัท แต่อย่างไรก็ตาม
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าจากผลกระทบของวิกฤติโควิด-19 ทำให้คาดว่าในปีนี้ยังไม่สามารถทำกำไรได้ แต่บริษัทจะดำเนินธุรกิจควบคุมให้เกิดความเสียหายให้น้อยที่สุด เพราะบริษัทก็ได้ปรับโครงสร้างการบริหารงานของบริษัทในเครือ ให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูรายได้
สำหรับผลประกอบการของ CMO ในไตรมาส 2/63 มีรายได้รวม 37.55 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 78.66 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/62 มีผลขาดทุนสุทธิ 15.83 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีผลขาดทุนสุทธิ 116.05 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 17.21 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายเสริมคุณ กล่าวว่า สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งบริษัทได้ปรับตัวสู้ศึกมาโดยตลอดทั้งในแง่ของกลยุทธ์การตลาด และปรับโครงสร้างการบริหารงานภายใน โดยในส่วนของการตลาด บริษัทเปิดสตูดิโอสตรีมมิ่งครบวงจร ทั้งหมด 3 สตูดิโอ มีขนาดที่หลากหลาย ครบครันด้วยระบบภาพแสงเสียง ตลอดจนระบบการถ่ายทอดสดออนไลน์
หลังจากที่เปิดให้บริการมาประมาณ 2 เดือน ปรากฏว่ายอดจัดงานอีเวนต์ในสตูดิโอมีมากกว่า 20 งาน ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งมีแบรนด์ต่างๆ ในหลายอุตสาหกรรมเข้ามาเช่าพื้นที่จัดงานและให้บริษัทดูแลจัดงานทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นงานเปิดตัวสมาร์ทโฟน, งานประชุมในกลุ่มธุรกิจขายตรง, งานสัมมนาทางการเงินของกลุ่มธนาคาร, งานในกลุ่มธุรกิจบันเทิงและคอนเสิร์ต, งานประชุมวิชาการนานาชาติ ตลอดจนกิจกรรมทางการตลาดในกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอางค์สกินแคร์ เป็นต้น
"แนวทางการจัดงานในยุคนี้ หลายๆ ธุรกิจเริ่มปรับตัวและส่วนใหญ่เริ่มทำกิจกรรมในรูปแบบ ไฮบริด อีเวนต์ (Hybrid Event) กันแล้ว คือ การจัดอีเวนต์ในสถานที่จัดงานต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการทำออนไลน์อีเวนต์ โดยมีการ Live Streaming (ไลฟ์ สตรีมมิ่ง) ผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ ด้วยเหตุผลนี้ บริษัทเตรียมบุกตลาด เปิดธุรกิจ "Hybrid Event Hall" (ไฮบริด อีเวนต์ ฮออล์) พื้นที่จัดงานขนาดใหญ่ โดยจัดที่นั่งให้คนเข้าร่วมงานประมาณ 2,500 ที่นั่ง รองรับการจัดงานคอนเสิร์ต, งานอีเวนต์ทุกรูปแบบ, งานประชุม ตลอดจนงานสัมมนา โดยจัดพื้นที่เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยและป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยทุกคนสามารถเลือกที่จะเข้าร่วมงานในฮอลล์ หรือ เลือกที่จะรับชมจากที่บ้านได้ ตอบโจทย์กับสถานการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี" นายเสริมคุณ กล่าว