นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. วิลล่า คุณาลัย (KUN) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/63 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.63 ว่าบริษัทมีรายได้รวม 164.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีรายได้ 148.9 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 15.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.6 ล้านบาท ส่งผลให้ผลประกอบการครึ่งแรกของปี 63 บริษัทมีรายได้รวม 327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีรายได้ 304 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 27.4 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 27.9 ล้านบาท
สาเหตุที่ผลประกอบไตรมาส 2/63 ดีขึ้น เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้า Walk in เข้ามาชมโครงการวิลล่า คุณาลัย เพิ่มขึ้นถึง 62% โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ยอดการจองบ้านช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.63 สูงถึง 400 ล้านบาท เป็นยอดขายรายเดือนที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ตั้งแต่เปิดบริษัทมา
ประกอบกับบริษัทวางแผนกลยุทธ์แบบ Worst case scenario มาเป็นหลักคิดเพื่อวางรูปแบบการทำงานของบริษัทเพื่อสอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการเน้นการออกแบบเรื่อง space ที่สามารถจัดสรรแบ่งพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสมกับความต้องการที่อยู่อาศัยแบบ "everything at home" ทุกสิ่งเกิดขึ้นที่บ้าน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ทุกโครงการตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยได้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคได้ครบทุกมิติ
ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทมีการรับรู้รายได้จากการขาย 5 โครงการหลัก ประกอบด้วย 1.โครงการคุณาลัย จอย, 2.โครงการคุณาลัย ซิมโฟนี, 3.โครงการคุณาลัย บีกินส์, 4.โครงการคุณาลัย พอลเลน และ 5.โครงการ คุณาลัย จอย ออน 314 โดยมีการทยอยโอนอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ช่วงไตรมาส 2/63 บริษัทฯมีการเปิดขายโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,330 ล้านบาท เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการเดิมซึ่งได้การตอบรับที่ดีมาก ส่วนยอดขาย (Presale) ช่วงครึ่งแรกของปี 63 (ม.ค.-มิ.ย.) บริษัททำยอดขายได้แล้วที่ระดับ 760 ล้านบาท คิดเป็น 58% ของเป้ายอดขายทั้งปีที่ 1,300 ล้านบาท เชื่อว่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมาย
สำหรับโครงการใหม่ที่เปิดขายในช่วงที่ผานมา ได้แก่ 1.โครงการคุณาลัย บีกินส์ 2 มูลค่าโครงการ 830 ล้านบาท และ 2.โครงการคุณาลัย พรีม มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการเป็นสินค้าขายดีของบริษัทฯ ซึ่งเป็นการเปิดเพื่อเติมสินค้าโครงการเดิม ที่กำลังจะปิดการขาย โดยจะรองรับการเติบโตได้อีก 3 ปี ส่งผลให้ล่าสุดบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือกว่า 400 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้ต่อเนื่อง ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าวบริษัทฯเชื่อว่า รายได้รวมในปี 63 จะเติบโตได้มากกว่า 15% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 652.67 ล้านบาท อย่างแน่นอน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทโครงการแนวราบ ยังคงมีความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยจากสถิติจะเห็นได้ว่าลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยจริง (Real Demand) โดยเฉพาะกลุ่มที่กำลังมองว่าอสังหาฯ แนวราบ ที่มีระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทมีเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่มีความต้องการสูง
พร้อมทั้งกล่าวยอมรับว่า การแข่งขันสูงในช่วงที่ผ่านมาทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแข่งขันด้านกลยุทธ์ทางการตลาด อัดแคมเปญโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม แต่ด้วยการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจตั้งแต่ต้นปีที่วางไว้ โดยมุ่งเน้นสินค้า ตอบโจทย์ที่เหมาะสมกับความต้องการ จนกระทั่งสถานการณ์โควิด-19 ที่ยิ่งเข้ามากระตุ้นความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้น โครงการ KUN ที่สอดรับกับกระแสความต้องการที่อยู่อาศัยในช่วงดังกล่าว เป็นส่วนผลักดันให้เกิดยอดจองสูงขึ้น ส่งผลให้สินค้าของบริษัทฯ กลายเป็นสินค้าในกระแส เนื่องจากทุกโครงการบ้านแนวราบของ KUN สามารถตอบโจทย์ความคุ้มค่าน่าซื้อ ภายใต้คอนเซ็ปต์ สร้างพื้นที่ สร้างความสุข เพราะทุกพื้นที่ในบ้านตอบทุกไลฟ์สไตล์ของทุกคนในครอบครัว รวมถึงวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป และทำให้เกิดวิถีการทำงานแนวใหม่ที่เรียกว่าที่อยู่อาศัยแบบ "everything at home" ทุกสิ่งเกิดขึ้นที่บ้าน
" วิลล่า คุณาลัย ได้รับอานิสงค์จาก Demand ตรงนี้ทันที เพราะบริษัทฯ ทำแต่แนวราบ และเน้นปริมณฑลที่มีรถไฟฟ้า เดินทางเข้าเมืองสะดวก ประกอบกับเราเน้นเรื่อง space ที่สามารถจัดสรรแบ่งพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป สินค้าเราจึงตอบโจทย์ สามารถแก้ pain point ได้ทันที เพราะเล็งเห็นว่าบ้านแนวราบมีความต้องการมากขึ้น ทำให้ที่ผ่านมาเราเน้นการสื่อสารประชาสัมพันธ์โครงการที่มีอยู่อย่างเต็มที่ ผ่านทุกช่องทาง ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมาเกิดยอดจองบ้านสูงมากเป็นประวัติการณ์"