บมจ. ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 บริษัทมีกำไรสุทธิ 242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 208 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือน มีกำไรสุทธิ 249 ล้านบาท ลดลง 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 355 ล้านบาท
สาเหตุหลักที่ทำให้กำไรสุทธิงวด 6 เดือนลดลงเป็นผลกระทบจากการรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นในไตรมาส 2/63 จำนวน 71 ล้านบาท ทั้งนี้ หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทจะมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานงวด 6 เดือน จำนวน 320 ล้านบาท ซึ่งผลขาดทุนดังกล่าวเป็นเพียงรายการทางบัญชีที่ไม่เป็นตัวเงินและไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด
นางสาวแคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TSE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 บริษัทมีรายได้รวม 591 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 559 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือน มีรายได้รวม 1,136 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 1,026 ล้านบาท
โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของโครงการใหม่ที่บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการในระหว่างปี 62 ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ โซลาร์ฟาร์ม (BSS) จ.อยุธยา โซลาร์ฟาร์ม (BSE) จ.อุดรธานี และโซลาร์ฟาร์ม (SSP) จ.อ่างทอง กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นรวม 18 เมกะวัตต์ รวมถึงการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องของโครงการเดิมที่ดำเนินการอยู่
ทั้งนี้ ทิศทางการเติบโตของกลุ่มบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด บริษัทได้ขยายการลงทุนเพิ่มในโครงการโซลาร์ลอยน้ำ (Floating solar) ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 8 เมกะวัตต์ ในพื้นที่บริเวณเขตอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับลูกค้า 25 ปี (Private PPA) คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการก่อสร้างไม่เกิน 1 ปี โดยจะเปิดดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในไตรมาส 2/64 ส่งผลให้บริษัทฯ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 299.94 MW PPA
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เข้าซื้อกิจการโซลาร์ฟาร์มอีก 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 5 เมกะวัตต์ ในจังหวัดกระบี่ ซึ่งโครงการนี้ได้ขายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วตั้งแต่เดือน ธ.ค.61 คาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้