นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ (L&E) เปิดเผยถึง สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในวงกว้าง ปัจจุบันประเทศต่าง ๆ จำนวนมากยังมีผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดได้เริ่มผ่อนคลายลงก็ตาม แต่ภาพรวมยังคงอ่อนไหว ไม่แน่นอน ในครึ่งปีแรกของบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างมากเช่นกัน ส่งผลให้การนำเข้าสินค้า และการส่งสินค้าไปให้ลูกค้าติดขัดเกิดความล่าช้า ส่งผลต่อรายได้จากการขายและให้บริการของบริษัทในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ลดลงจากปีก่อนหน้า 5% และ 11% ตามลำดับ รวมทั้งปรับองค์กรเป็น DIGITAL OFFICE
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ประเมินแนวโน้มผลประกอบการงวดครึ่งปีหลังคาดจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงกลุ่มสินค้า IoT ของบริษัทได้รับการตอบรับจากลูกค้าเพิ่มขึ้น และมองจะเป็นเทรนด์ที่ได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่องในอนาคต รวมทั้ง สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีทิศทางที่ดีขึ้น สนับสนุนให้ภาพรวมรายได้และการส่งมอบงานโครงการเป็นไปตามแผน ปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือที่รอส่งมอบ (Backlog) กว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถผลิตสินค้าและส่งสินค้าไปขายให้กับลูกค้าอเมริกาผ่านพันธมิตรจีนได้ในไตรมาสที่ 4/2563 สนับสนุนให้ผลประกอบการทั้งปีของบริษัทจะใกล้เคียงกับปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ประมาณ 2,700 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 2/63 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการ 485 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 63 ล้านบาท หรือลดลง 11% เป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การนำเข้าสินค้า และการส่งสินค้าไปให้ลูกค้าติดขัดเกิดความล่าช้า รวมทั้งมีงาน turnkey ที่ติดตั้งแล้วเสร็จหลายโครงการ อยู่ระหว่างรอตรวจรับมอบงาน จึงต้องเลื่อนการรับรู้รายได้ไปในไตรมาสถัดไป
และมีผลขาดทุนสำหรับงวดอยู่ที่ 6.3 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนหน้าที่ขาดทุน 16.2 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 9.9 ล้านบาท หรือดีขึ้น 61% เพราะถึงแม้รายได้จากการขาย และ รายได้อื่นจะลดลงอันเป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวลดลงจาก 34.9% ในงวดไตรมาส 2/62 เป็น 34.3% ในงวดไตรมาส 2/63 เนื่องจากต้นทุนในส่วนที่เป็นค่าขนส่งได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งบริษัทฯ ได้ขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงในสัดส่วนที่ลดลง
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมดอกเบี้ยจ่ายลดลง 36.4 ล้านบาท สาเหตุใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายที่แปรผันตามผลการดำเนินงานได้ปรับตัวลดลง และค่าใช้จ่ายในการเดินทางและส่งเสริมการขายได้ลดลงซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมีภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก 63 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 1,053 ล้านบาท ลดลง 8% จากงวดครึ่งปีแรกของปีก่อนอยู่ที่ 1,146 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีกำไรสำหรับงวด 2.6 ล้านบาท เทียบกับครึ่งปีแรกของปีก่อนหน้าที่ขาดทุน 0.5 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากการบริหารจัดการภายในที่ดี และการควบคุมต้นทุนการบริหารจัดการภายในให้มีประสิทธิภาพ