JMART-JMT พุ่งรับงบ Q2/63 สวย-จ่ายปันผล โบรกฯเชียร์"ซื้อ"แนวโน้มครึ่งปีหลังสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 14, 2020 10:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น JMART ราคาพุ่งขึ้น 6.40% มาอยู่ที่ 13.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท มูลค่าซื้อขาย 176.31 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.18 น. โดยเปิดตลาดที่ 13.10 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 13.60 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 13.00 บาท

และ หุ้น JMT ราคาพุ่งขึ้น 5.61% มาอยู่ที่ 28.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 216.06 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.32 น. โดยเปิดตลาดที่ 27.75 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 28.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 27.50 บาท

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ. เจ มาร์ท (JMART) เป้า IAA Consensus 15 บาท ราคาหุ้นลดลงแรง 17% ในเวลา 1 สัปดาห์ สะท้อนข่าวแบงก์ชาติคุมเพดานดอกเบี้ยในธุรกิจไฟแนนซ์ไปแล้ว ส่วนงบไตรมาส 2/63 มีกำไรสุทธิ 161 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18%yoy และ 53%qoq ราคาที่ลดลงเป็นโอกาสในการทยอยซื้อ

อนึ่ง JMART ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.45 บาท/หุ้น พร้อมกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) ในวันที่ 26 ส.ค. 2563 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 11 ก.ย. 2563

ขณะที่บทวิเคราะห์ของ บล.ทรีนิตี้ ระบุว่าคงแนะนำ "ซื้อ"หุ้น บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) และคงราคาเป้าหมาย 30 บาท ยังพอมี Upside หลังจากประกาศกำไร Q2/63 อยู่ที่ 227 ล้านบาท ดีขึ้น 10%QoQ และ 53%YoY เป็นระดับ New High

รายได้จาก NPL ปรับเพิ่มขึ้น 2%QoQ ขณะที่กระแสเงินสดจาก NPL อยู่ที่ 884 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%QoQ สะท้อนว่าแม้เป็นช่วงโควิด-19 แต่บริษัทยังจัดเก็บกระแสเงินสดได้ดี อีกทั้งรายได้ที่คาดว่าจะลดลงเนื่องจากมีหนี้บางกองใกล้ตัดต้นทุนหมดในไตรมาสนี้นั้น อาจสามารถตัดต้นทุนหมดได้เร็วกว่าที่คาด ทำให้ในช่วงที่เหลือของไตรมาสสามารถรับรู้รายได้ 100% ช่วยหนุนให้รายได้จาก NPL ให้เติบโตได้

ด้านรายได้จากการติดตามหนี้อ่อนตัวลงราว 10% ซึ่งคาดว่าเป็นผลกระทบจากโควิด-19 ขณะที่ธุรกิจประกันเห็นอัตรากำไรที่ดีขึ้น เนื่องจากในไตรมาสก่อนมีการขายประกันโควิด-19 ทำให้ต้องตั้งสำรองล่วงหน้าไว้ค่อนข้างสูง แต่ยอดเคลมจริงอาจต่ำมาก เนื่องจากอัตราระบาดในไทยอยู่ในระดับต่ำ

เราคงประมาณการกำไรสำหรับปี 63-64 ที่ 850 ล้านบาท (+25%YoY) และ 1,047 ล้านบาท (+23%YoY) โดยมองช่วงที่เหลือของปี 63 ผลประกอบการจะยังแข็งแกร่ง เนื่องจากผลบวกจากการตัดต้นทุนหนี้บางกองครบจะทำให้สามารถรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งมีโอกาสที่จะเห็นกำไรปรับเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง

นอกจากนี้ NPL ในระบบที่อาจเพิ่มสูงขึ้นมากจะเป็นปัจจัยบวกต่อการซื้อหนี้ของบริษัท โดยบริษัทตั้งเป้าจะใช้เงินลงทุนราว 4.5-5 พันล้านบาท และอาจปรับเป้าซื้อหนี้หากเห็นโอกาสในการลงทุนที่ดี ซึ่งฐานหนี้ที่เพิ่มขึ้นด้วยอัตราที่เร่งตัวจะเป็นปัจจัยบวกต่อรายได้และกำไรของบริษัทในระยะถัดไป นอกจากนี้การขายประกันโควิด-19 ในช่วง Q1/63 ตั้งสำรองไว้สูงมากถึง 150% ขณะที่ยอดเคลมจริงอาจต่ำมาก ทำให้ในช่วงต้นปี 64 อาจมีการกลับสำรองที่ตั้งไว้และเป็นปัจจัยหนุนกำไรเพิ่มเติมได้


แท็ก จ่ายปันผล  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ