นายวีระ ชินกนกรัตน์ กรรมการ บมจ.เชอร์วู้ด เคมิคอล(SWC) คาดว่า กำไรสุทธิในปีนี้จะอยู่ที่ 50 ล้านบาท หรือสูงขึ้นราว 20% จากปีก่อนที่มีกำไร 41 ล้านบาท ส่วนยอดขายจะโต 6% จากปีก่อน 597 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการเติบโตจากผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงที่ยอดขายเพิ่มขึ้น และผลิตภัณฑ์รักษาเนื้อไม้ และกลุ่มทำความสะอาด
การเติบโตของกำไรสุทธิในปีนี้ถือว่าสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 43 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและการควบคุมต้นทุนสินค้าและค่าใช้จ่าย โดย 6 เดือนที่ผ่านมามีกำไร 35 ล้านบาทแล้ว ขณะที่ต้นทุนสินค้าลดลง 3% ของยอดขายที่ 311.78 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปีนี้ทั้งปีจะมีต้นทุนเฉลี่ยที่ 3% ถึงแม้ในช่วงปลายปีนี้ ราคาวัตถุดิบอาจจะปรับขึ้นบ้าง เช่น สารออกฤทธิ์ และตัวทำละลาย ซึ่งเป็นการปรับตามราคาน้ำมัน
นายวีระ กล่าวถึงสาเหตุที่สามารถคงต้นทุนเฉลี่ยสินค้าที่ 3% ได้ เนื่องจากการปรับระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ที่ทำให้บริษัทซื้อวัตถุดิบได้ในราคาที่ไม่สูง
"คาดว่าต้นทุนสินค้าในครึ่งปีหลัง อาจจะปรับขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก จากต้นทุนสินค้าบางประเภทที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่บริษัทก็ไม่กังวลเพราะเราเชื่อว่าสามารถควบคุมต้นทุนที่เกิดขึ้นได้" นายวีระ กล่าว
ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ 32% จากปีก่อน 29% จากการที่บริษัทสามารถลดต้นทุนลงได้
นายวีระ กล่าวต่อว่า ในครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงและน้ำยาทำความสะอาดที่ใช้กับเด็ก ซึ่งไม่ได้มีการลงทุนตั้งสายการผลิตใหม่ แต่จะใช้สายการผลิตเดิม เพียงลงทุนในการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรในการทำงานมากขึ้น คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 10 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ใช้เงินจาก IPO บางส่วน และจากกู้ยืมอีกบางส่วนในการก่อสร้างโรงงาน เพื่อเพิ่มกำลังผลิตสินค้ากำจัดแมลงและผลิตทำความสะอาด หากบริษัทจำเป็นต้องมีการกู้เงินในอนาคต สามารถทำได้ไม่ได้มีความกังวล เพราะปัจจุบันมี D/E ต่ำที่ 0.25 เท่า และจะรักษาไม่ให้เกิน 1 เท่า
บริษัทยังคาดว่าจะเริ่มส่งออกสินค้าประเภทกำจัดแมลงไปยังประเทศออสเตรเลียได้ในไตรมาส 1/51 จากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการขอจดทะเบียน อย.ที่ประเทศออสเตรเลีย และบยังอยู่ระหว่างขอ อย.เพิ่มอีก 1 ผลิตภัณฑ์ด้วย ซึ่งเป็นสเปรย์กำจัดปลวก โดยส่งขายผ่านบริษัทกำจัดแมลงที่ออสเตรเลียโดยเฉพาะ
"ต้องยอมรับว่าตลาดออสเตรเลีย เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งหากมีส่วนแบ่งการตลาด 10% ก็จะทำให้ยอดขายเรามากกว่า 10% เช่นกัน ส่วนการที่บริษัทมีแผนที่จะใช้ตลาดออสเตรเลียในการเป็นฐานการผลิต เราคงจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้ง"นายวีระ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--