นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) เปิดเผยว่า ผลประกอบการรอบ 6 เดือนแรกปี 63 บริษัทมีรายได้รวม 1,396 ล้านบาท กำไรสุทธิ 230 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 62 โดยยอดเติมเงินรวมอยู่ที่ 18,704 ล้านบาท ซึ่งการลดลงของรายได้และกำไรมาจากสถานการณ์โควิด-19 และมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐที่ให้ค่าโทรศัพท์และชั่วโมงอินเทอร์เน็ตฟรีเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ และลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน
ส่วนไตรมาส 2/63 บริษัทมีรายได้จำนวน 667 ล้านบาท กำไรสุทธิ 104 ล้านบาท ทั้งนี้ แม้ว่ากลุ่มธุรกิจเติมเงิน-รับชำระเงินที่ถือเป็นธุรกิจหลักมีการปรับตัวลดลง แต่กลุ่มธุรกิจให้บริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร (Banking Agent & Lending Business) อย่างบริการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารยังคงมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้จากจำนวนรายการโอนเงินล่าสุดเพิ่มขึ้นถึง 73% หรือประมาณ 1.65 ล้านรายการต่อเดือน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน
สำหรับช่วงครึ่งหลังปี 63 บริษัทคาดว่าแนวโน้มยอดเติมเงินจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายมากขึ้น รวมถึงบริษัทมุ่งมั่นบริหารจัดการ 3 กลุ่มธุรกิจให้มีการเติบโต โดยกลุ่มธุรกิจที่ 1 เติมเงิน-รับชำระเงินจะเน้นการรักษายอดเติมด้วยการจัดแคมเปญและโปรโมชั่นใหม่ๆ ต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นยอดการใช้บริการ
ขณะเดียวกันพยายามเพิ่มศักยภาพในกลุ่มธุรกิจที่ 2 การให้บริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร เพื่อเป็นจุดบริการการทำธุรกรรมทางการเงินและสินเชื่อครบวงจรมากขึ้น โดยเตรียมติดตั้งตู้บุญเติมรุ่นใหม่ที่สามารถถอนเงินได้จากทุกธนาคาร นอกเหนือจากบริการฝาก โอน จ่าย เปิดบัญชี และบริการพิสูจน์ตัวตนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ที่ให้บริการในตู้ปัจจุบัน และคาดว่าจะติดตั้งพร้อมให้บริการได้ในปีนี้ ควบคู่ไปกับการเป็นตัวแทนรับฝากเงิน/โอนเงินเข้าบัญชีเพิ่มอีก 1 ธนาคาร และเพิ่มบริการการตรวจสอบเครดิตบูโร (NCB) ด้วยตนเอง ซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดจะเป็นส่วนผลักดันที่สำคัญที่ช่วยเพิ่มยอดการทำรายการอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนกลุ่มธุรกิจที่ 3 หรือกลุ่มธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและการกระจายสินค้า บริษัทฯจะขยายจุดติดตั้งตู้จำหน่ายเครื่องดื่มอัตโนมัติที่มีบริการเติมเงิน-รับชำระเงินของตู้บุญเติม (Vending Machine & Top-Up Service) ตู้จำหน่ายกาแฟสด เพิ่มเป็น 4,500 ตู้ และเร่งการขยายการติดตั้งตู้จำหน่ายน้ำมันอัตโนมัติ โดยมีเป้าหมาย 500 ตู้ ในสิ้นปีนี้ โดยทุกสินค้าและบริการเป็นการพัฒนาของบริษัทฯที่มุ่งเน้นให้ความสะดวกและครอบคลุมความต้องการของลูกค้าในการซื้อสินค้าและบริการได้ด้วยตัวเอง (Self Service) ให้มากที่สุด
"บริษัทฯ ยังมีการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิปีละ 2 ครั้งเช่นเดิมตามนโยบาย แม้มีหลายปัจจัยกระทบรายได้และกำไรในช่วงต้นปี ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้จะมีการเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน จากการแบ่งกลุ่มธุรกิจทำให้เห็นความชัดเจนของรายได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการให้บริการทางการเงินที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเชื่อว่ารายได้ในกลุ่มนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่สร้างการเติบโตในอนาคต ควบคู่กับการมีรายได้เพิ่มจากกลุ่มธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและการกระจายสินค้าที่ขยายตัวมากขึ้น พร้อมกับการรักษารายได้ธุรกิจหลักที่คาดว่ายอดเติมเงินจะกลับมา หลังสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายในช่วงครึ่งปีหลัง"นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว