นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/63 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทำสถิติกำไรไตรมาสสูงที่สุดของบริษัทอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง สะท้อนความสามารถในการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ และเป็นธุรกิจที่แข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ JMT รับโอกาสเติบโตได้อย่างสง่างาม โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 227 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78 ล้านบาท หรือเติบโต 52% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 66% และอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 30%
"ในช่วงไตรมาส 2/63 บริษัทฯ เดินหน้าซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มอย่างต่อเนื่อง จากภาพรวมหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) ในระบบยังมีอยู่จำนวนมาก แม้ในท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทฯ มียอดจัดเก็บหนี้ (Cash Collection) ในช่วงครึ่งปีแรก เท่ากับ 1,699 ล้านบาท เติบโต 20% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ มีกองหนี้ที่ Fully Amortized เพิ่ม ตัดมูลค่าเงินลงทุนหมด ทำให้สามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มๆ ต่อเนื่องในครึ่งปีหลังนี้ หนุนการรับรู้กำไรอย่างมั่นคง" นายสุทธิรักษ์ กล่าว
ณ สิ้นไตรมาส 2/63 บริษัทฯ มีพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพรวมประมาณ 189,156 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 180,300 ล้านบาท สะท้อนความสามารถในการซื้อหนี้เข้ามาบริหารได้เพิ่มขึ้น และใช้เงินในการซื้อหนี้แล้วประมาณ 1,983 ล้านบาท จากงบลงทุนซื้อหนี้ปีนี้ที่วางไว้ 4,500 ล้านบาท มองโอกาสซื้อหนี้ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีอีกมาก จากสถาบันการเงินจะเร่งทยอยขายหนี้ด้อยคุณภาพออกมาเพื่อปรับพอร์ต NPL และภาพรวมเศรษฐกิจสนับสนุนให้ปีนี้เป็นโอกาสที่ดีในการซื้อหนี้เข้ามาบริหาร ด้วยต้นทุนที่ดี และตอกย้ำ JMT เป็นผู้นำในธุรกิจหนี้ด้อยคุณภาพภาคเอกชนรายใหญ่ของประเทศ