นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ มาร์ท (JMART) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/63 กำไรสุทธิทำสถิติกำไรรายไตรมาสสูงสุดอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 161 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24 ล้านบาท หรือเติบโต 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้น 36% และอัตรากำไรสุทธิ 6.6%
แม้ว่าบริษัทมีรายได้รวม 2,326 ล้านบาท ลดลง 330 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ยังคงรักษากำไรไว้ได้ เนื่องจากกลุ่มบริษัทในแต่ละสายธุรกิจหลักมีผลประกอบการเป็นกำไรในทุกบริษัท โดดเด่นในธุรกิจด้านการเงินที่มีความสามารถในการทำกำไรสูง นำโดยธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT ที่ยังคงผลประกอบการทำ All Time High ได้ตามเป้าหมาย รวมถึง J Fintech และ SINGER ที่ขยายพอร์ตสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น
ขณะที่โครงการใหม่ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ JAS ASSET ที่จะรุกหนักในช่วงครึ่งปีหลังนี้ และ JAYMART MOBILE แม้ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ มีการปิดห้างสรรพสินค้าและต้องปิดสาขาตามมาตรการภาครัฐ แต่ก็สามารถบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ทันที
ทั้งนี้ บริษัทมองแนวโน้มครึ่งปีหลังภาพรวมกลุ่ม JMART ยังขยายตัวต่อ และคาดว่าจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรกได้ โดยธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT ยังมีโอกาสซื้อหนี้เพิ่มได้อีกมาก จากภาพรวม NPL ล้นตลาดมากขึ้น ขณะที่ J Fintech ได้ประกาศร่วมลงทุนกับ KB Kookmin Card Co., Ltd บริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิตการ์ด และสินเชื่อส่วนบุคคลรายใหญ่ของเกาหลีใต้ในช่วงที่ผ่านมา คาดจะเริ่มเห็นความชัดเจน และสนับสนุนผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจในช่วงไตรมาส 3/63
ส่วน SINGER ปีนี้เราก็มองผลงานจะสามารถบันทึกสถิติใหม่ๆ ได้ จากการมุ่งเน้นปล่อยสินเชื่อรถทำเงินได้ตามเป้า เข้ามาเสริมทัพกำไรในปีนี้ให้เจมาร์ทโดดเด่นและแรงทุบทุกสถิติที่เคยทำมาได้