นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร๊อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังจะสูงกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 5.9 พันล้านบาท เนื่องจากจะมีการโอนโครงการใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งสองไตรมาสที่เหลือของปีนี้ ทำให้บริษัทมั่นใจรายได้ทั้งปีจะทำได้ตามเป้า 1.6 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/63 จะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เข้ามา 3 โครงการ และแนวราบ 2 โครงการ ซึ่งมียอดขายรอโอน (Backlog) รวมทั้งหมดเกือบ 4 พันล้านบาท และไตรมาส 4/63 จะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมอีก 6 โครงการ ที่มียอดขายที่เป็น Backlog 6.9 พันล้านบาท
นอกจากนั้น ยังจะมีรายได้จากโครงการแนวราบใหม่เข้ามาอีก 4 โครงการ
นายพีระพงศ์ กล่าว่า ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังคงดำเนินตามกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนทั้งการขายและการโอน รวมไปถึงการทำแผนการตลาดไปที่กลุ่ม Ready to Move และสินค้ารอขาย (Inventory) ด้วยหลากหลายแคมเปญและใช้ช่องทางเครือข่ายออนไลน์ เช่น LINE OA, Lazada และ Shopee อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าทุกขั้นตอนตั้งแต่การหาข้อมูล การเยี่ยมชมโครงการ การจอง การตรวจห้อง ไปจนถึงการโอนกรรมสิทธิ์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในช่วงที่ยังต้องเว้นระยะห่างทางสังคม
บริษัทมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้ยังคงจะทำได้ตามเป้าหมาย 2.15 หมื่นล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกทำยอดขายได้แล้ว 1.14 หมื่นล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากการเปิดตัว 14 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 1.67 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดเมียม 5 โครงการ และแนวราบ 9 โครงการ ช่วยผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้า ร่วมกับกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก ซึ่งบริษัทมองว่าจากความสำเร็จของการเปิดขายโครงการ The Origin อ่อนนุช ที่มียอดจองผ่านช่องทางออนไลน์ 100% ทำให้มั่นใจในทิศทางการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีหลังจะกลับมาเพิ่มขึ้น
"ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ครึ่งปีแรกของปี 63 ถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายมากสำหรับทุกองค์กร แต่เราพยายามคิดให้มากกว่า คิดให้ละเอียดกว่า และคิดให้แปลกใหม่กว่า ทำให้เราจึงยังคงเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถปรับตัวได้รวดเร็วสามารถก้าวผ่านทุกสถานการณ์ มีกลยุทธ์ มีโซลูชั่นใหม่ๆ ตอบโจทย์ตลาดเชิงรุก ขณะเดียวกันเรายังควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ภาพรวมของผลการดำเนินงานของเรายังเป็นไปตามแผนได้"นายพีระพงศ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยอมรับวาธุรกิจโรงแรมในปีนี้ถือว่าไม่สดใส หลังเกิดผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แม้ว่าปัจจุบันธุรกิจโรงแรมของบริษัท คือ เซอร์วิสอพาร์ทเท้นท์ Staybridge suites bangkok ทองหล่อ ได้กลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้ว แต่ยังถือว่ามีอัตราการเข้าพักต่ำ เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหายไป และคาดว่าจะได้รับผลกระทบไปถึงสิ้นปีนี้ เพราะลูกค้าหลักคือ ชาวต่างชาติ
ส่วนโรงแรม Holiday Inn Hotel & Suites ศรีราชา-แหลมฉบัง ยังคงปิดให้บริการ และจะกลับมาเปิดอีกครั้งในต้นเดือน ต.ค.นี้ เนื่องจากสถานการณ์การท่องเที่ยวในศรีราชายังไม่กลับมา ทำให้บริษัทตัดสินใจปิดให้บริการโรงแรมไปชั่วคราวจนกว่าจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 4/63
นายพีระพงศ์ กล่าวถึงแผนการนำบริษัทในเครือเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) คือ บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจบริการและนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ได้เลื่อนแผนการเข้าตลาดหุ้นออกไปเป็นครึ่งปีหลังของปี 64 จากเดิมที่คาดว่าจะเข้าได้ในช่วงปลายปี 63 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม ซึ่งมีบริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน