นายปฐมภพ สุวรรณศิริ หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านการค้า (CCO) บมจ.ไทยคม (THCOM) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการในปีนี้จะพลิกเป็นกำไรจากปีก่อนที่มีผลขาดทุนถึง 2,25 พันล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 2/63 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 498 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/63 ที่มีกำไร 197.61 ล้านบาท
เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา บริษัท ไอพีสตาร์ ออสเตรเลีย พีทีวาย จำกัด (IPSTAR Australia Pty Ltd.) หรือ IPA ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้เซ็นสัญญาให้บริการบรอดแบนด์ในพื้นที่ห่างไกลกับรัฐวิสาหกิจออสเตรเลียเป็นระยะเวลา 7 ปี ทำให้บริษัทจะมีการรับรู้รายได้ใหม่เข้ามาในกลุ่ม THCOM มากขึ้น
ขณะที่ธุรกิจในประเทศไทย บริษัทก็ยังเดินหน้าเซ็นสัญญากับลูกค้าเพื่อให้บริการดาวเทียมบรอดแบนด์ โดยครึ่งปีแรกเซ็นสัญญาไปแล้วทั้งสิ้น 6 ราย ได้แก่ NBC Next Vision Co.,Ltd, Government Public Relations Deptment (PRD), BEC Multimedia, Bangkok Media&Broadcasting (PPTV) และ Thai Army Radio and Television โดยระยะเวลาการให้บริการจะยาวไปจนสิ้นสุดสัมปทาน หรือยาวกว่าสัมปทาน
ส่วนในเมียนมา ลูกค้ารายใหญ่ คือ Eutelsat ของดาวเทียมไทยคม 7 ได้ทำสัญญาเพิ่มอีก 2 Transponder สำหรับให้บริการเชื่อมต่อระบบมือถือในเมียนมา ทำให้มองว่าตลาดเมียนมายังมีศักยภาพที่เติบโตต่อเนื่อง
สำหรับแผนการดำเนินในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะเดินหน้าขายพื้นที่ของดาวเทียมไทยคม 8 อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันก็อยู่ระหว่างเจรจากับทางรัฐบาลอินเดีย เพื่อขายเหมา Capacity ทั้งหมด นไทยคม 8 เนื่องจากทางอินเดียมีความต้องการใช้งานสูง คาดว่าจะได้ข้อสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้ และน่าจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาได้ตั้งแต่ปี 64 เป็นต้นไป
ด้านดาวเทียมไทยคม 4 (IPSTAR-1) บริษัทฯ ได้ร่วมกับพันธมิตรในการให้บริการบรอดแบนด์ในประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อใช้ในการเรียนการสอน (e-Learning) คาดว่าจะสามารถปิดดีลกับทางรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ภายในครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งน่าจะทำให้บริษัทมีรายได้จากการใช้บริการไทยคม 4 มากขึ้น อีกทั้งในประเทศไทยก็มีนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ในการเปลี่ยนระบบราชการเป็นดิจิทัลมากขึ้น และเป็นระบบเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งไทยคมก็ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการการเชื่อมต่อระบบบรอดแบนด์ในโครงการเหล่านี้ และยังดำเนินการต่อเนื่อง เช่น เชื่อมต่อระบบบรอดแบนด์ให้กับทหารเรือ เป็นต้น
"เรามองว่า ไทยคม 7 ตลาดเมียนมายังมีการเติบโตได้ต่อเนื่อง การรับรู้รายได้ใหม่จากฟิลิปปินส์ ที่จะมีการใช้บริการดาวเทียมไทยคม 4 มากขึ้น และสัญญาที่เราทำกับออสเตรเลียก็จะเริ่มเห็นการรับรู้รายได้มากขึ้นตามระยะเวลา ทำให้มั่นใจว่าเมื่อมีรายได้ใหม่ดังกล่าวเข้ามาก็น่าจะยังคงระดับกำไรได้อยู่ในปีนี้"
นายปฐมภพ กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนต่อยอดดาวเทียมไทยคม 4 ที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานในปี 64 โดยมี 2 รูปแบบ ได้แก่ 1. ร่วมพัฒนาดาวเทียมกับพันธมิตรในประเทศไทยจองวงโคจรของไทย และสร้างดาวเทียมร่วมกับพันธมิตรเพื่อต่อยอดการให้บริการลูกค้าที่มีอยู่บนไทยคม 4 ซึ่งระเบียบการจองวงโคจรของไทยจะอยู่ที่ กสทช. ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการร่างระเบียบดังกล่าว เพื่อเปิดประมูลวงโคจรในไทย เบื้องต้นบริษัทฯ คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดปลายปีนี้และอย่างช้าต้นปีหน้า
หรือ 2.ร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศ ในการลงทุนสร้างดาวเทียม โดยใช้วงโคจรตปท. ซึ่งไม่จำเป็นต้องรอกฎกติกาของกสทช. ก็สามารถทำได้เลย
อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนต่อยอดไทยคม 4 ทั้ง 2 รูปแบบดังกล่าว คาดว่าจะได้ข้อสรุปไม่เกินปลายปีนี้
ปัจจุบันบริษัทฯ มีระดับเงินสดในมืออยู่ที่ 2,700 ล้านบาท และมีเงินสดที่อยู่ในกองทุน ซึ่งรวมกันจะมีทั้งสิ้น 6,500 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างศึกษาว่าจะลงทุนในดาวเทียมดวงถัดไปหรือไม่