นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) กล่าวว่า แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงความผันผวนของอุตสาหกรรม และราคาน้ำมันที่ต่ำลงก็ตาม บริษัท มีผลการดำเนินงานของธุรกิจหลักที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีแผนปฎิบัติงานที่ดี มีการบริหารบุคลากรที่มีศักยภาพ และมีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง
ในไตรมาสที่ 2/2563 TTA รายงานกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 487 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากไตรมาสก่อน โดย EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 127 จากไตรมาสก่อน เป็น 77.2 ล้านบาท และมีรายได้ 2,952 ล้านบาท โดยกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร และกลุ่มธุรกิจอื่น มีสัดส่วนรายได้คิดเป็นร้อยละ 38 ร้อยละ 17 ร้อยละ 22 และร้อยละ 23 ของรายได้รวมทั้งหมด ตามลำดับ
ในขณะเดียวกัน อัตราค่าระวางเรือเทียบเท่า (TCE) ของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือได้เริ่มกลับมาฟื้นตัวในเดือนมิถุนายน 2563 และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 7,525 เหรียญสหรัฐต่อวัน ในไตรมาสที่ 2/2563 ซึ่งสูงกว่าอัตราตลาดสุทธิอยู่ร้อยละ 44 ส่วนเรือวิศวกรรมใต้ทะเล 1 ลำของกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง ได้กลับมาดำเนินงานตามปกติหลังจากสิ้นสุดการเข้าอู่แห้ง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจฯ ปรับตัวดีขึ้น ด้านกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร ก็มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน จากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 24 นอกจากนี้ ธุรกิจพิซซ่า ฮัท สามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สี่
โดยสรุป ผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA ปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 48 จากไตรมาสก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 459.22 ล้านบาท เป็น 240.9 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2563
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ความต้องการขนส่งสินค้าแห้งเทกองทั่วโลกต้องหยุดชะงักไปก็จริง แต่โทรีเซน ชิปปิ้ง ยังคงรักษาตำแหน่งที่ดีในอุตสาหกรรมได้อย่างมั่นคง และเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ที่โทรีเซน ชิปปิ้ง มีอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่า (TCE) สูงกว่าอัตราตลาดอยู่ในอันดับ Top Three ของโลก จากผลการสำรวจประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและรายได้ของบริษัทที่ให้บริการขนส่งทางเรือทั่วโลกโดยที่ปรึกษาด้านการเดินเรือของเดนมาร์ก Danish maritime advisors Liengaard & Roschmann ( L&R)
สำหรับแนวโน้มของธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 คาดว่าตลาดจะปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากอุปทานสินแร่เหล็กของบราซิลที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มเศรษฐกิจของจีนที่ดีขึ้น และปัจจัยบวกตามฤดูกาล
ในด้านธุรกิจบริการนอกชายฝั่งนั้น เมอร์เมด มาริไทม์ มุ่งหาโอกาสสร้างการเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉพาะในขอบข่ายงานบริการที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาด นอกจากนี้ หน่วยธุรกิจที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่มีแผนจะเข้าร่วมประมูลงานโครงการรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมในแถบบริเวณอ่าวไทยในอนาคต
ส่วนกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรและธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ยังคงเห็นแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง สำหรับบริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA จะมุ่งทำตลาดผลิตภัณฑ์ที่สร้างผลกำไรสูงและขยายตลาดส่งออกเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดปุ๋ยในประเทศเวียดนามให้ได้ต่อไป ในขณะที่ พิซซ่า ฮัท และทาโก้ เบลล์ วางแผนเปิดสาขาใหม่ในประเทศไทยเพิ่มอีก
ผลการดำเนินงานของแต่ละธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ :
ในไตรมาสที่ 2/2563 กลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้ง มีรายได้ค่าระวางเรือ อยู่ที่ 1,117.5 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีบอลติค (BDI) มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 592 จุด ในไตรมาสที่ 1/2563 และปรับขึ้นเป็น 783 จุด ในไตรมาสที่ 2/2563 จากกิจกรรมขนส่งทางเรือที่ฟื้นตัวในเดือนมิถุนายน 2563 ซึ่งสอดคล้องกับการที่ธุรกิจในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ได้เริ่มกลับมาดำเนินงานตามปกติ ทั้งนี้ โทรีเซน ชิปปิ้ง มีอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่า (TCE) อยู่ที่ 7,525 เหรียญสหรัฐต่อวัน สูงกว่าอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์สุทธิที่ 5,210 เหรียญสหรัฐต่อวัน อยู่ร้อยละ 44 และมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากไตรมาสก่อน เป็น 207.5 ล้านบาท โดย EBITDA เติบโตขึ้นร้อยละ 1,455 จากไตรมาสก่อน เป็น 178.6 ล้านบาท
ในไตรมาสที่ 2/2563 โทรีเซน ชิปปิ่ง รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 46.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 137 จากไตรมาสก่อน และมีอัตราการใช้ประโยชน์เรือที่กลุ่มธุรกิจฯ เป็นเจ้าของสูงถึงร้อยละ 100 ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือ (OPEX) ยังคงต่ำอยู่ที่ 3,520 เหรียญสหรัฐต่อวัน
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือเป็นเจ้าของเรือซุปราแมกซ์ จำนวน 22 ลำ มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 55,436 เดทเวทตัน (DWT) และมีอายุเฉลี่ย 12.94 ปี โดยมีการรับมอบเรือมือสองชื่อ "Thor Chaichana" จำนวน 1 ลำ ในเดือนเมษายน 2563
กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง :
ในไตรมาสที่ 2/2563 บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือ เมอร์เมด มาริไทม์ มีรายได้ 512 ล้านบาท โดยผลขาดทุนขั้นต้น ปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 17 จากไตรมาสก่อน เป็น 92.9 ล้านบาท เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของโครงการหลักโครงการหนึ่งปรับตัวดีขึ้นจากเรือโครงการที่นำไปเข้าอู่แห้งได้กลับมาดำเนินการตามปกติ ทำให้อัตราค่าจ้างต่อวันกลับมาอยู่ในอัตราปกติ ในทำนองเดียวกัน EBITDA ปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อน แต่ยังคงติดลบอยู่ที่ 194 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจขุดเจาะซึ่งดำเนินงานภายใต้บริษัทร่วมแห่งหนึ่ง เรือขุดเจาะประเภท jack-up drilling rigs สเปคสูง จำนวน 3 ลำ ในตะวันออกกลาง มีอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือเฉลี่ยสูงร้อยละ 100 ในไตรมาสที่ 2/2563 ทั้งนี้ สัญญาสำหรับเรือขุดเจาะทั้ง 3 สัญญานี้ได้รับการต่ออายุสัญญาออกไปอีก 3 ปี กับลูกค้ารายเดิม โดยสัญญาจะหมดอายุในเดือนมิถุนายน ปี 2565 เดือนธันวาคม ปี 2565 และเดือนเมษายน ปี 2566 ด้วยเหตุนี้ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งจึงรายงานผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA ปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 7 จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 171.4 ล้านบาท และมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบ ณ สิ้นไตรมาส ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 176 ล้านเหรียญสหรัฐ
กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร:
บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA มีรายได้จากการขาย อยู่ที่ 623.8 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2563 โดยมีปริมาณขายปุ๋ยในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 38 จากไตรมาสก่อน เป็น 33.30 พันตัน ส่วนปริมาณการส่งออกปุ๋ยลดลงร้อยละ 64 จากไตรมาสก่อน เป็น 11 พันตัน หลังจากที่มีการส่งออกเป็นจำนวนมากในไตรมาสที่ 1/2563 ทั้งนี้ กำไรขั้นต้น (spread) ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปี 2562 เป็น 147.4 ล้านบาท จากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 16 ในไตรมาสที่ 2/2562 และร้อยละ 20 ในไตรมาสที่ 1/2563 เป็นร้อยละ 24 ในไตรมาสที่ 2/2563 ขณะที่ EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปี 2562 เป็น 40.4 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรยังคงสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยรายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 6.1 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 76 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากธุรกิจปุ๋ยเคมีแล้ว กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรยังให้บริการจัดการพื้นที่โรงงาน โดยมีพื้นที่ให้บริการ 66,420 ตารางเมตร พื้นที่ประมาณ 15,000 ตารางเมตร ถูกนำมาใช้ภายใน ส่วนพื้นที่ส่วนที่เหลือถูกนำมาให้บริการลูกค้าภายนอกเต็มทั้งหมด
กลุ่มการลงทุนอื่น :
• กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม :
- พิซซ่า ฮัท ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ซึ่งสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4 ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 พิซซ่า ฮัท มีสาขาทั้งหมด 154 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งสาขาทั้งหมดที่เปิดใหม่เป็นสาขาที่เปิดตามหัวเมืองใหญ่
- ทาโก้ เบลล์ (Taco Bell) เป็นแฟรนไชส์อาหารกึ่งเม็กซิกันสไตล์ที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 ทาโก้ เบลล์ มีสาขาทั้งหมด 6 สาขา ทั่วประเทศ ซึ่งสาขาทั้งหมดที่เปิดใหม่เป็นสาขาที่เปิดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
• กลุ่มการลงทุนอื่น : มุ่งเน้นธุรกิจบริหารทรัพยากรน้ำและโลจิสติกส์
บริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ("AIM") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 80.5 เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง และให้บริการครบวงจรทางด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ AIM ยังได้รับสัมปทานในการจำหน่ายน้ำประปาในหลวงพระบาง ประเทศลาว ผ่านบริษัทย่อยที่ AIM ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 66.7