นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย หลังจากที่การชุมนุมทางการเมืองในประเทศเมื่อวานนี้ เรียบร้อยดี ทำให้น่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาได้บ้าง และยังมีความคืบหน้าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของรัสเซียด้วย
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/63 ของบริษัทจดทะเบียนประกาศออกมาเกือบหมดแล้ว ตอนนี้ก็ต้องหันไปดูว่าโบรกเกอร์จะมีการปรับประมาณการอย่างไรบ้าง ซึ่งเท่าที่ดูงบฯก็ไม่ได้ออกมาแย่มาก และตลาดก็ได้ปรับลดลงไปก่อนหน้านี้แล้ว
อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ติดตามการประกาศตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) งวดไตรมาส 2/63 ของไทย ซึ่งก็คงจะออกมาต่ำสุดของปีนี้ และยังต้องจับตาปัจจัยการเมืองในประเทศ ส่วนการปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI ก็ได้มีการปรับลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยไม่มาก แค่ 0.01% หรือคิดเป็น 22 ล้านเหรียญฯเท่านั้น ซึ่งก็คงจะมีการปรับลดไปบ้างในวันศุกร์ที่ผ่านมา ในหุ้น CPALL, ADVANC เป็นต้น ก่อนที่จะมีผลในวันที่ 31 ส.ค.นี้
พร้อมให้แนวรับ 1,320-1,315 จุด ส่วนแนวต้าน 1,333-1,340 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,931.02 จุด เพิ่มขึ้น 34.30 จุด (+0.12%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,372.85 จุด ลดลง 0.58 จุด (+0.02%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,019.30 จุด ลดลง 23.20 จุด (-0.21%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 99.88 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 13.8 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 29.27 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 18.48 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.76 จุด, ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.65 จุด
ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวัน Temporary Holiday
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ส.ค.63) 1,327.05 จุด ลดลง 19.64 จุด (-1.46%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,272.48 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ส.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 ส.ค.63) ปิดที่ 42.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 23 เซนต์ หรือ 0.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ส.ค.) อยู่ที่ 0.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.10 ตลาดรอดูตัวเลข GDP Q2/63 ของไทยเช้านี้-จับตาการเมืองในปท.
- สมาคมค้าทองคำยอมรับแรงขายทองคำกดดันเงินบาทแข็งค่า เหตุทำยอดส่งออกทองพุ่ง โดย 6 เดือนแรก ปีนี้โตกว่า 131% ย้ำเป็นไปตามกลไกตลาด ยอมรับนโยบาย "แบงก์ชาติ" คุมค้าทองโดยให้ใช้เงินดอลลาร์เทรดตรง มีผลเสียมากกว่าผลดี เตรียมหารือเพิ่มเติมเร็วๆ นี้ "นักวิเคราะห์" ประเมินสิ้นปีเงินบาทส่อแตะ 30.80 บาท
- "วีรศักดิ์" เผยยอดส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับครึ่งปี 63 พุ่ง 10,077.60 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 39.11% ได้อานิสงส์ส่งออกทองคำไปเก็งกำไร จับตาครึ่งปีหลังยังเสี่ยงจากการระบาดไวรัสโควิด-19 รอบสอง ผู้นำเข้าชะลอการสั่งซื้อ และเงินบาทแข็งค่า
- การท่องเที่ยวเร่งทำแผน 5 ปี 2565-2569 พัฒนาท่องเที่ยว กระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อหัวต่อทริปเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2562 ส่วนปีหน้ายังทำใจฟื้นไม่มาก คาดมีรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท
- น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ครึ่งปีแรกมีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตรวม 88 โครงการ เงินลงทุนรวม 11,020 ล้านบาท
- พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นร่างแก้ รธน.วันนี้ 'พีระพันธุ์'เผย กมธ.ศึกษาเตรียมส่งรายงานให้สภา 31 ส.ค. แย้มสูตรเปิด ทางตั้ง ส.ส.ร.
*หุ้นเด่นวันนี้
- TU (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 17.6 บาท งบ Q2/63 ออกมาดีเกินคาด ครึ่งปีหลังโตต่อเพราะเข้าสู่ช่วง High season, ข่าวพบไวรัสโควิด-19 ในอาหารนำเข้าจากเอกวาดอร์ ซึ่งส่งออกกุ้งแช่แข็ง 21% ของโลก เป็นโอกาสของ TU ในการเข้าชิงส่วนแบ่งการตลาด
- STGT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 111 บาท ประกาศกำไรปกติ Q2/63 +613% Q-Q, +332% Y-Y สูงกว่าตลาดคาด 24% จากปริมาณการขายและราคาขายที่พุ่งขึ้นอย่างมากจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากโควิด-19 ด้านแนวโน้ม H2/63 คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยทั้ง H-H และ Y-Y จากปริมาณการขายที่คาดยังคงอยู่ในระดับสูง และปัจจัยขับเคลื่อนหลักคือราคาขายที่เพิ่มขึ้นเดือน 15% โดยคาดกำไรปกติปี 2563 โต 6 เท่าตัวจากปี 2562 และโตต่อเนื่อง +49% ในปี 2564