นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) เปิดเผยว่า บริษัทมองเห็นโอกาสฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 63 หลังจากช่วงครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผลประกอบการขาดทุนสุทธิ แต่ขณะนี้มีสัญญาณบวกจากทั้งนโยบายของภาครัฐ และศักยภาพของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ที่จะเข้ามาช่วยผลักดันเศรษฐกิจ ช่วยเหลือเอสเอ็มอี และกระตุ้นการจ้างงาน โดยเฉพาะแรงงานในภาคค้าปลีกและบริการที่มีมากกว่า 19 ล้านคนในระบบ
ปัจจุบันบริษัทสามารถฟื้นตัวกลับมาทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว โดยตั้งแต่เดือน มิ.ย.63 ธุรกิจทั้งในไทย เวียดนามและอิตาลีกลับมามียอดขายเทียบเท่าช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ในเดือน ก.พ.63 และผลกำไรโดยรวม (EBITDA) ของบริษัทก็กลับมาเป็นบวกด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์และประกาศเคอร์ฟิว ในช่วงไตรมาส 2/63 ประกอบกับปัจจัยลบต่าง ๆ ทั้งการหดตัวของภาคการท่องเที่ยว และกำลังซื้อที่อ่อนแรงของผู้บริโภค ส่งผลให้รายได้รวมอยู่ที่ 41,376 ล้านบาท ลดลง 21% และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 63 มีรายได้รวม 95,661 ล้านบาท ลดลง 10%
อนึ่ง CRC แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ขาดทุนสุทธิ 2,590 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 1,342 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนงวด 6 เดือนแรกปีนี้ ขาดทุนสุทธิ 1,848 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 3,267 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายญนน์ กล่าวว่า วิกฤติการณ์โควิด-19 ทำให้ธุรกิจในเครือต้องปิดทำการกว่า 80% ของพื้นที่ขายทั้งหมด เป็นระยะเวลามากกว่าครึ่งของไตรมาส 2/63 หรือ 46 วันจาก 91 วัน ซึ่งเบื้องต้นยอดขายของบริษัทควรจะต้องลดลงมากกว่า 50% แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกค้ายังคงได้รับบริการ และประสบการณ์ช็อปปิ้งที่ดีเช่นเดิม ผ่านแพลตฟอร์มออมนิแชแนลที่พัฒนามากว่า 3 ปี ทำให้ยอดขายในไตรมาส 2/63 ลดลงเพียง 21%
นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความร่วมมือ และปฏิบัติตามนโยบายด้านสาธารณสุขของภาครัฐอย่างเคร่งครัด โดยเรายึดเรื่องความสะอาด ปลอดภัย และสุขอนามัยของพนักงาน และลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินงาน
"ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา สิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจยังสามารถดำเนินต่อได้อย่างมั่นคง นั่นคือ การสนับสนุนอันดีจากลูกค้า และพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ และความร่วมมือร่วมใจของพนักงานทุกคนที่มุ่งมั่นทำงานอย่างหนัก พร้อมปรับวิธีการทำงานเพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ตลอดจนกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ทั้งการบริหารต้นทุน การลงทุน และค่าใช้จ่าย รวมไปถึงการเสริมสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด"นายญนน์ กล่าว