ตลาดหลักทรัพย์ฯปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,327.11 จุด ลดลง 0.06 จุด (-0.00%) มูลค่าการซื้อขายราว 24,671.38 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,331.80 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,318.72 จุด
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway ถึง Sideway Down หลังจากผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนออกมาอยู่ในระดับต่ำ ทำให้โบรกเกอร์ต่างทยอยปรับลดประมาณการลง และ EPS ตลาดยังถูกปรับลง โดยปี 63 ปรับลงสู่ 59.81 บาท/หุ้น และปี 64 ลงมาสู่ 76.76 บาท/หุ้น ส่งผลให้เห็นว่าตลาดฯแพง คือ P/E ปี 63-64 อยู่ราว 22-17 เท่า แต่หากจะลงทุนในระยะ 3 ปีก็ยังลงทุนได้ แต่หากระยะ 1-2 ปีให้เลือกลงทุนเป็นรายตัว นอกจากนี้ยังขาดปัจจัยหนุน ซึ่งก็ต้องติดตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ราว 1-2% โดยตลาดแถบเอเชียเหนือบวกกัน ขณะที่ตลาดอาเซียนติดลบเป็นผลจากปัจจัยเฉพาะตัว ทั้งเรื่องเศรษฐกิจฟื้นตัวช้าเพราะพึ่งพาจากภายนอกประเทศมาก ขณะที่ตลาดเอเชียเหนือในแง่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีกว่า และมีตัวนำคือกลุ่มเทคโนโลยี อีกทั้งควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ดีด้วย
อย่างไรก็ดี ให้ติดตาม FTSE all world index Rebalance ในวันที่ 21 ส.ค.นี้ จะมีหุ้นใดเข้า/ออกบ้าง และให้ติดตามความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของสหรัฐฯ
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายกรภัทร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังแกว่ง Sideway ถึง Sideway Down โดยมีแนวรับ 1,310-1,303 จุด ส่วนแนวต้าน 1,331-1,337 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
STGT มูลค่าการซื้อขาย 1,519.94 ล้านบาท ปิดที่ 65.75 บาท ลดลง 7.25 บาท
MINT มูลค่าการซื้อขาย 962.72 ล้านบาท ปิดที่ 20.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 876.13 ล้านบาท ปิดที่ 88.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
NER มูลค่าการซื้อขาย 763.28 ล้านบาท ปิดที่ 3.36 บาท ลดลง 0.16 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 758.44 ล้านบาท ปิดที่ 66.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท