นายวีรสิทธิ สินเจริญกุล กรรมการบริหาร บมจ. ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 สามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/63 แม้ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมยางธรรมชาติ (Natural Rubber) มีการบริโภคชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการในไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 15,256 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่มีกำไรสุทธิ 1,094 ล้านบาท เติบโต 305% จากช่วงเดียวกันเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจยางธรรมชาติจากปริมาณการขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย
ขณะที่ธุรกิจถุงมือยางภายใต้การดำเนินงานของ บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT) ที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สามารถทำยอดขายเติบโตอย่างโดดเด่นจากปริมาณการขายสินค้าและราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยที่สูงขึ้น ประกอบกับได้ขยายกำลังการผลิตแล้วเสร็จเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 32,000 ล้านชิ้นต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ที่ขยายตัวไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ เนื่องจากเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขอนามัยที่สามารถใช้เพื่อป้องกันโรคระบาดได้ และยังมีแผนขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 75 เพื่อรองรับดีมานด์จากทั่วโลกและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านสุขอนามัยของประชาชนทั่วโลกในยุค New Normal
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 63 สอดคล้องกัน โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 32,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,948 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 358 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทสามารถเพิ่มปริมาณการขายยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ถุงมือยางที่เป็นสินค้าขั้นปลาย (Downstream) ได้มากขึ้น
"เรามั่นใจว่าในปีนี้เป็นปีที่ดีของ STA โดยมีเป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมยางธรรมชาติชะลอตัวจากภาพรวมเศรษฐกิจโลก แต่มั่นใจว่า STA จะสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีกว่าภาพรวมตลาด จากการใช้กลยุทธ์ Selective Selling และความต้องการใช้ถุงมือยางที่มีคำสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก" นายวีรสิทธิ กล่าว