นายสมชาย สิริปัญญานนท์ รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.เอสวีไอ (SVI) เปิดเผยถึงแผนดำเนินงานครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อยกระดับคุณภาพและความสามารถในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนในกระบวนการผลิตสูงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์รองรับการขยายตลาดกลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ ในแต่ละภูมิภาค หลังพบว่ามีความต้องการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในครึ่งปีหลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มจะทยอยฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) บริษัทสามารถผลักดันกำไรสุทธิเติบโตได้ดี หรือทำได้ 335 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 233 ล้านบาท แม้ว่าในในไตรมาส 2/63 จะได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นก็ตาม ขณะที่รายได้รวมทำได้ 7,386 ล้านบาท โดยพบว่า อุปกรณ์ในกลุ่มไมโครอิเล็กทรอนิกส์เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หรือทำสัดส่วนยอดขายเพิ่มเป็น 15% จากยอดขายรวม จากปีก่อนที่มีสัดส่วนยอดขายประมาณ 3% โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ขณะที่กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทอรนิกส์ที่นำไปใช้ในผลิตภัณฑ์กลุ่ม Industrial Security Product และนำไปใช้ในระบบควบคุมอุตสาหกรรม เช่น อุปกรณ์และรับส่งข้อมูลผ่านเส้นใยแก้วนำแสงที่มีเทคโนโลยีสูง และเป็นธุรกิจใหม่ของ SVI มีอัตราการเติบโตที่ดีเช่นกัน
"แม้ช่วงครึ่งปีแรกปีนี้การแพร่ระบาดของ โควิด-19 จะกระทบต่อรายได้ไปบ้าง แต่เรายังรักษากำไรสุทธิได้ดี จากแผนมุ่งสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลุ่มสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่ม โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทำให้ใช้กำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับการบริหารจัดการประสิทธิภาพการผลิตเพื่อสนับสนุนการเติบโตในครึ่งปีหลัง ส่งผลดีต่อการผลักดันเป้าหมายรายได้ปีนี้ให้ขยายตัว 10-15% ตามแผนที่วางไว้" นายสมชาย กล่าว