นายวิชัย ชุณหสมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงิน และการคลัง บมจ. สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่สามารถระบุได้ว่าผลประกอบการในปี 63 จะมีกำไรสุทธิหรือไม่ เนื่องจากในงวดครึ่งปีแรกมีผลขาดทุนอยู่ที่ 7,134 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการขาดทุนสต็อกน้ำมัน ซึ่งในสิ้นปี 62 รอบปิดงวดปีราคาน้ำมันอยู่ที่ 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 42 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้นจึงต้องติดตามว่าหากราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นเกิน 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลก็จะทำให้บริษัทมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน
สำหรับแนวโน้มค่าการกลั่นมีโอกาสปรับตัวลดลงจากไตรมาส 2/63 ที่ทำได้ 4.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพราะราคาส่วนลดน้ำมันดิบจะลดลง หรืออาจจะต้องเป็นการซื้อน้ำมันในราคาพรีเมียม
ขณะที่ช่วงครึ่งหลังปี 63 บริษัทยังคงปริมาณการผลิตไว้ที่ระดับ 142,000 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราการใช้กำลังผลิตที่ 80% เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าโรงกลั่นของบริษัทจะสามารถผลิตได้ 175,000 บาร์เรล/วัน ขณะเดียวกันบริษัทได้ยกเลิกการผลิตน้ำมันเครื่องบินเป็นการชั่วคราว โดยปรับเปลี่ยนมาผลิตน้ำมันดีเซล และน้ำมันแก๊สโซลีนที่ช่วยให้ผลตอบแทนมากกว่า
พร้อมกันนี้บริษัทยังคงทำแผนการลดรายจ่ายที่ช่วยประหยัดกระแสเงินสดจำนวน 66 ล้านบาท เช่น การลดสต็อกสินค้าในคงคลัง ซึ่งจะช่วยลดการใช้เงินกว่า 31 ล้านเหรียญสหรัฐ และเลื่อนการลงทุนที่ไม่สำคัญออกไปก่อน เพื่อรักษาเงินสดไว้ได้ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ในแต่ละหน่วยงานปรับลดลง จำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ และการปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันดีเซล และน้ำมันแก๊สโซลีนเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยสร้างเงินสดได้ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและก๊าซ ซึ่งเบื้องต้นจะเป็นการต่อยอดให้กับผลิตภัณฑ์ที่บริษัทมีอยู่ หรือจะเป็นการผลิตภัณฑ์ให้กับวัตถุดิบชนิดอื่นๆ โดยธุรกิจดังกล่าวจะช่วยสร้างผลิตภัณฑ์สินค้าที่เป็นมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท