นายวิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมกาเคม (ประเทศไทย) (MGT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในปี 63 จะดีกว่าปีก่อนที่มียอดขาย 669.49 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 75.23 ล้านบาท โดยจะทำสถิติสูงสุดใหม่หลังจากช่วงครึ่งปีแรกทำยอดขายได้สูงถึง 428.82 ล้านบาท เติบโต 23.75% และกำไรสุทธิเติบโต 100.84% มาที่ 71.10 ล้านบาท ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
"ผลประกอบการครึ่งแรกปีนี้ สถานการณ์โควิดทำให้เศรษฐกิจแย่มาก แต่กลุ่ม MGT โตขึ้น ผมคิดว่าน่าจะเป็นนิวไฮ จากเอทานอลแปลงสภาพ และ คาดว่าครึ่งปีหลังคาดแนวโน้มโตต่อเนื่อง" นายวิทยา กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายยอดขายปีนี้ลงมาเหลือ 850 ล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ที่ 950 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ก็ยังเป็นยอดขายที่เติบโตจากปีก่อน
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ธุรกิจในประเทศไทยหรือเศรษฐกิจทั้งโลกก็รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด โดยเฉพาะการล็อกดาวน์ในประเทศต่างๆ ซึ่งธุรกิจน่าจะตกลงมาต่ำสุดในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.แต่พอเข้ามาสู่เดือน ส.ค.พบว่าออร์เดอร์ของบริษัทกลับเข้ามาเป็นปกติ
ส่วนบริษัท เมกาเคม พลัส จำกัด มีผลประกอบการโดดเด่นในเดือน มี.ค.-พ.ค.เพราะผลิตเจลล้างมือที่มีความต้องการสูง ทำให้บริษัทเมกาเคม พลัส เติบโตขึ้นมามาก
ณ สิ้นมิ.ย.63 บริษัทไม่มีหนี้ และมีเงินสุดในมือราว 76.67 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งจะนำไปลงทุนในบริษัท Mega Fuji Graphite จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 49% ร่วมกับ Fuji Graphite Works ถือ 51% ทุนจดทะเบียน 35 ล้านบาท เป็นทุนเรียกชำระแล้ว 12 ล้านบาท คาดว่ากระบวนการจัดตั้งบริษัทจะเสร็จสิ้นราวไตรมาส 4/63 จะเริ่มธุรกิจวิจัย พัฒนา ผลิต และจำหน่าย Expand Graphite ต้นปี 64 ทั้งนี้ เห็นว่าธุรกิจนี้จะเติบโตในระยะยาว