นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี (MFC) เปิดเผยว่า MFC นำเสนอกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี รีนิวเอเบิล เอนเนอร์จี เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานยั่งยืน และเป็นการลงทุนเพื่อลดวิกฤตของระบบนิเวศของโลก โดยจะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ในช่วงวันที่ 21-28 ส.ค.63
จากท่ามกลางวิกฤติมลภาวะและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (climate change) ที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของโลกนั้น มีแรงขับเคลื่อนจากภาครัฐและภาคประชาชนที่ตระหนักถึงความต้องการลดมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศโลก และนำไปสู่ความต้องการพลังงานที่ยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ของพลังงานหมุนเวียน มีความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์มากขึ้น จึงถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่คาดว่าจะเติบโตอีกกว่า 7 เท่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า และเชื่อว่าการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวจะสร้างมูลค่าอย่างมหาศาล และทำให้เงินลงทุนเติบโตไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าของโลก
กองทุน MRENEW เป็นกองทุนรวมตราสารทุนประเภท Feeder Fund มีนโยบายลงทุนใน BGF Sustainable Energy Fund (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่ต่ำกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยกองทุนหลักบริหารจัดการโดย Blackrock บริษัทจัดการชั้นนำของโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่คำนึงและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
กองทุนหลักจะเน้นลงทุนในหุ้นของธุรกิจพลังงานยั่งยืน ใน สามกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลก ได้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Power) การขนส่งโดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสะอาด (Clean Transport) และการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน (Energy Efficiency) ซึ่งนับเป็นกลุ่มธุรกิจ ESG ที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องและมีความยั่งยืน อนึ่งกองทุนหลัก ได้รับการจัดอันดับ Morningstar 5 ดาว และ 5 globe Morningstar sustainability rating
นายธนโชติ กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจโลกจากโรคระบาดโควิด-19 น่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วและกำลังฟื้นตัวภายใต้บริบทใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ภาวะโลกร้อน ภัยพิบัติ และปัญหามลพิษ ตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อกำหนดมาตรการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่ปี 63 ประกอบกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีต้นทุนลดลงจนถูกว่าการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เป็นแหล่งพลังงานหลักในปัจจุบัน
BP Energy Outlook คาดว่าความต้องการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจะเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในอีกยี่สิบปีข้างหน้า และ Next Green Car คาดว่าการขนส่งโดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสะอาด เช่นรถยนต์ไฟฟ้าจะขยายตัวเฉลี่ย 20% ต่อปีไปจนถึงปี 83 รวมถึงความก้าวหน้าของนวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน เช่น บ้านอัจฉริยะ (Smart home) ดังนั้นบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องสามกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว มีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้กระจายการลงทุนไปในธุรกิจที่สามารถสร้างผลกำไรสูงในระยะยาว ในภาวะที่สภาพคล่องในระบบการเงินให้อยู่ในระดับสูง
กองทุนเปิด MRENEW เหมาะสำหรับผู้สนใจลงทุนในระยะยาว โดยคาดหวังผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน และคาดหวังผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศ สามาถรับความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมพลังงาน ผู้สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำได้เพียง 1,000 บาท โดยสามารถซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ กองทุนนี้มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละครั้ง และมีความเสี่ยงระดับ 7