นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) เปิดเผยว่า SCM จะเซ็นสัญญาแต่งตั้งแกนนำการจัดจำหน่ายและผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนที่จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ราวสัปดาห์หน้า ซึ่งเลื่อนออกไปจากวันนี้เพื่อให้เวลาบริษัทเตรียมความพร้อมให้มากยิ่งขึ้นในกระบวนการเสนอขายหุ้น อีกทั้ง SCM มีนักธุรกิจที่เป็นสมาชิกจำนวนมากที่ต้องการเวลาและต้องการรับข้อมูลข่าวสารโดยละเอียด รวมถึงการจัดเตรียมเรื่องเอกสาร คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานนัก โดยการเลื่อนเวลาออกไปในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้บริษัทจัดการนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุน (โรดโชว์) ผ่านการไลฟ์สดเพื่อแสดงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ SCM ในฐานะบริษัทเครือข่ายแบรนด์ไทยแห่งแรกที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในเร็ว ๆ นี้ โดยมีนักลงทุนทั่วไป และนักลงทุนสถาบันร่วมรับชมมากกว่า 2,000 ราย
ขณะที่ผู้ริหาร SCM ได้แสดงวิสัยทัศน์ให้เห็นถึงภาพรวมธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง ฐานะการเงินมั่นคง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามียอดขายสูงถึงปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท และยังมีโอกาสทางธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อีกมากจากการลงทุนในโรงงานผลิตสินค้าแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ บริษัท เอสซีเอ็ม อินโนเวทีฟ จำกัด (SMI) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการตลาด กอรปกับความแน่ชัดของข้อกฏหมายขายตรงในประเทศเมียนมาที่มีแนวโน้มชัดเจนยิ่งขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ SCM มีแผนระดมทุนผ่านการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 25% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO
นายแพทย์ สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร SCM กล่าวว่า บริษัทเตรียมนำเงินที่ได้จากการะดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้สำหรับแผนการขยายสาขาและปรับปรุงสาขาเดิม และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ เพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจในอนาคต เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า สอดรับกระแสผู้บริโภคในยุค New Normal และสังคม Aging Society ที่คนหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
SCM ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคในรูปแบบเครือข่ายผ่านนักธุรกิจในประเทศและตัวแทนจัดจำหน่ายต่างประเทศอีก 6 ประเทศ ทั่วภูมิภาคอาเซียน โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
1.กลุ่มธุรกิจแบบเครือข่าย จำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคทั้งในและต่างประเทศ เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ จำแนกเป็น 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1.1) กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 1.2) กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 1.3) กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว 1.4) กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าใช้ในครัวเรือน 1.5) กลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร 1.6) กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
2.กลุ่มธุรกิจให้บริการคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจเครือข่ายและรับจัดงานสัมมนา ดำเนินธุรกิจโดย บริษัท ซัคเซส สปิริต จำกัด (SPT) และ SCM Spirit (Myanmar) Co., Ltd. (SPM) เพื่อสนับสนุนธุรกิจเครือข่ายในประเทศ และตัวแทนจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศที่มีเครือข่ายสมาชิกและฐานลูกค้าเป็นของตนเอง
และ 3. กลุ่มธุรกิจโรงงานผลิตสินค้า ดำเนินธุรกิจโดยบริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ แล็บบอราทอรี่ จำกัด (SML) และน้องใหม่ บริษัท เอสซีเอ็ม อินโนเวทีฟ จำกัด (SMI) ที่เป็นบริษัทที่ SCM เข้าลงทุนในช่วงเดือน มี.ค.63 ที่ผ่านมา โดยจะดำเนินการจัดตั้งเป็นโรงงานผลิตสินค้าเฉพาะภายในกลุ่มบริษัท
นพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCM กล่าวว่า SCM ถือเป็นธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคในรูปแบบ Network Marketing แบรนด์ไทยแห่งแรกที่เข้าจดทะเบียนใน SET สะท้อนให้เห็นว่า เราคือ ตัวจริง เห็นได้จากยอดขายในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทะยานขึ้น 1 พันล้านบาทต่อปี โดยจุดเด่นของบริษัทฯ คือการมีฐานสมาชิกเหนียวแน่นเป็นเครือข่ายทั่วประเทศมากกว่า 1.8 แสนราย โดยบริษัทมีรายได้ติดอยู่ในอันดับ TOP 10 ระดับ 1,000 ล้านบาท จากกว่า 400 บริษัทเครือข่ายในประเทศไทย
บริษัทยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อที่จะขยายธุรกิจออกไป และทำให้กิจการเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืนในอนาคต โดยมุ่งเน้นปัจจัยแห่งความสำเร็จ 4 ประการหลัก ได้แก่
1) การสร้างแบรนด์ SUCCESSMORE และแบรนด์สินค้าให้แข็งแกร่ง มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน
2) การพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาด และมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายให้นักธุรกิจสามารถทำการตลาดได้อย่างคล่องตัว มีทางเลือกครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน
3) การพัฒนาทรัพยากรบุคคล ทั้งพนักงานภายในบริษัทและนักธุรกิจในด้าน Mindset และ Skill sets
4) การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีค่านิยมส่งเสริมความสำเร็จร่วมกัน มุ่งเน้นความสำเร็จ ผ่านความใส่ใจลูกค้าการพัฒนาตน ความซื่อสัตย์ไว้วางใจได้ การทำงานเป็นทีม และการแบ่งปัน
ทั้งนี้ SCM มุ่งมั่นที่จะสร้างแบรนด์คนไทย ที่ไม่ใช่แค่แข่งขันในธุรกิจเครือข่ายในประเทศเท่านั้น แต่เราต้องการเป็นแบรนด์คนไทยที่แข่งขันในระดับอินเตอร์ได้
"สิ่งที่สำคัญที่เรามุ่งเน้นคือการสร้างแบรนด์ "ซัคเซสมอร์" ให้แข็งแกร่งเพื่อตอกย้ำ Brand Essence ของเราด้วยการส่งมอบคุณค่า ให้คนมีสุขสุขภาพที่ดีขึ้นจากการใช้สินค้า มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วยแนวคิดการสร้างชุมชน Wellness & Well-being และเครื่องมือทางธุรกิจที่บริษัทฯ มอบให้ ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคม SCM ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้มีความมั่นคงอย่างยั่งยืน พร้อมส่งมอบคุณค่าในเรื่องการแบ่งปัน ช่วยเหลือสังคม และยกระดับความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น"นายนพกฤษฏิ์ กล่าว