PRIME คาดรายได้ปีนี้ทำได้ 700 ลบ.หลังขายไฟแล้ว179MW,โครงการกัมพูชา60 MW CODใน Q2/65

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 18, 2020 17:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานกรรมการ บมจ.ไพร์ม โรด เพาเวอร์ (PRIME) เปิดเผยว่า รายได้หลักของบริษัทเกือบทั้งหมด มาจากการขายไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งมีขนาดกำลังผลิตติดตั้งทั้งหมดรวม 287 เมกะวัตต์ โดยเป็นโครงการที่ขายไฟแล้ว 179 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 108 เมกะวัตต์ โดยโครงการทั้งหมดอยู่ใน 4 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย มีกำลังผลิตติดตั้งรวม 132.3 เมกะวัตต์ ประเทศญี่ปุ่น 68.2 เมกะวัตต์ ประเทศไต้หวัน 8.5 เมกะวัตต์ และประเทศกัมพูชา 78 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการที่ขายไฟแล้วคาดว่าจะทำรายได้ในปีนี้ราว 700 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีแรกของปี 63 เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทมีรายได้รวม 357 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% จากรายได้รวม 337 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปี 62 และมีกำไรเบ็ดเสร็จ 242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.3% จากกำไรเบ็ดเสร็จ 161 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปี 62 อัตรากำไรสุทธิสูงประมาณ 49% นับว่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งในกลุ่มโรงไฟฟ้า

การเติบโตของผลประกอบการมาจากการรับรู้รายได้เต็มงวดของโรงไฟฟ้า 3 โครงการในประเทศไต้หวันที่เริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่เดือน เม.ย.62 รวมถึงยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการแข็งค่าของเงินบาท และส่วนเกินทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมในระหว่างงวด

ส่วนโครงการกัมพูชาคืบหน้าตามแผน จากเมื่อปลายปี 62 บริษัทชนะการประมูลโครงการ National Solar Park ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดในกัมพูชาในจังหวัดกัมปงชนัง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 78 เมกะวัตต์ และมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้า 60 เมกะวัตต์ โดยโครงการนี้มีธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เป็นที่ปรึกษาช่วยวางแผนและจัดประมูลให้รัฐบาล จึงมีความโปร่งใสสูง และมี ความเสี่ยงต่ำ

ล่าสุด บริษัทได้ลงนามในสัญญาพัฒนาโครงการและสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับรัฐบาลกัมพูชาเป็นผลสำเร็จเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.63 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ โครงการมีกำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อม COD ภายในไตรมาส 2/65

"ในตอนนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการคัดเลือกสถาบันการเงินที่จะเป็นผู้สนับสนุนสินเชื่อโครงการ (Project Finance) จำนวน 70% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด 1,500 ล้านบาท ซึ่ง ADB ก็ได้ให้ข้อเสนอที่ดีมากมาให้แล้ว แต่บริษัทยังได้รับความสนใจจากสถาบันการเงินระดับนานาชาติแห่งอื่นที่สนใจสนับสนุนสินเชื่อให้เช่นกัน โดยบริษัทจะสรุปเลือกสถาบันการเงินที่ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุดแก่บริษัทในเร็วๆ นี้"

นอกจากนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์ บนหลังคา (Solar Rooftop EPC) โดยได้ร่วมลงทุนและถือหุ้นใหญ่ในบริษัทที่มีประสบการณ์ด้านนี้สูงกว่า 10 ปี พร้อมทั้งเดินหน้าจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจหลายรายที่แนะนำลูกค้าเอกชนที่มีความสนใจจะติดตั้งให้ ทำให้ตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบัน มีโครงการที่มีความเป็นไปได้สูงมารอให้เข้าไปดำเนินการเกือบ 30 โครงการ ซึ่ง ส่วนใหญ่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่มีผลประกอบการดี มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง และระบบ Solar Rooftop จะช่วยลดค่าไฟซึ่งเป็นต้นทุนของธุรกิจได้อย่างมีนัยยะสำคัญ

บริษัทใช้กลยุทธ์ลุยเจรจาและทำสัญญากับลูกค้าที่มีศักยภาพสูงก่อน ทำให้ปัจจุบันมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วกับโครงการที่กำลังจะทำสัญญา รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท และภายในปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะทำสัญญาให้ได้มูลค่ารวม 300 ล้านบาท แต่อาจจะก่อสร้างแล้วเสร็จและรับรู้ รายได้ภายในปี 64

ตัวอย่างโครงการที่สำเร็จแล้วของลูกค้าที่มีชื่อเสียง ได้แก่ โครงการ KUBOTA Farm ของบริษัท สยาม คูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่ให้ไปติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนโครงสร้างเสาคร่อมแปลง ปลูกพืชสาธิตแนวคิดการใช้พื้นที่เก็บเกี่ยวพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยการผลิตอาหารและการผลิตไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ (Solar Double Cropping) โดยโครงการนี้ตั้งอยู่ที่ที่อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ถือเป็นฟาร์มสร้างประสบการณ์เกษตรสมัยใหม่ของคูโบต้าในภูมิภาคอาเซียน มุ่งหวังให้เป็นแหล่งเรียนรู้ เทคนิคด้านการเกษตร (Agriculture Solutions) ผสานการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม เครื่องจักรกล การเกษตร (Machinery Solutions) เพื่อให้เกษตรกรได้เข้าถึงทุกนวัตกรรมเกษตรครบวงจรที่ใช้ได้จริง โดยมี สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จ เปิดเมื่อวันที่ 6 ส.ค.63 ที่ผ่านมา

สำหรับฐานะทางการเงิน บริษัทมีสินทรัพย์จำนวน 5,580.5 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5.8% จากเมื่อสิ้นปี 62 โดยแบ่งเป็นส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 2,682.8 และหนี้สินรวม 2,897.7 ล้านบาท ทำให้มีอัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) เพียง 1.08 เท่า ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน จึงเป็นโอกาสดีที่จะจัดหาเงินทุนระยะยาวเพิ่มเติมมาลงทุนขยายธุรกิจ โดยบริษัทศึกษาความเป็นไปได้ หลายอย่าง เช่น การกู้ยืมจากสถาบันการเงินและการออกหุ้นกู้ เป็นต้น โดยได้เริ่มหารือกับสถาบันการเงินและบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งแล้ว แต่ยังเปิดโอกาสให้รายอื่นๆ เข้ามาเสนอแนะแนวทางเพิ่มเติมอีก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ