นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway up คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกเล็กน้อย เนื่องจากไม่มีปัจจัยลบอะไร ขณะที่เสร็จสิ้นการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/63 ของบริษัทจดทะเบียน และตลาดฯได้ตอบรับไปบ้างแล้ว ทำให้ตอนนี้มองว่า Downside น่าจะจำกัด และน่าจะได้แรงเสริมเข้ามาจากสภาพคล่องส่วนเกินที่มีอยู่มากในระบบ
อย่างไรก็ดี ให้ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยว่าจะออกมาได้เมื่อใด และเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าตอนนี้ก็ให้จับตาดูว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาเมื่อใดด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,320 จุด ส่วนแนวต้าน 1,350 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,778.07 จุด ลดลง 66.84 จุด (-0.24%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,389.78 จุด เพิ่มขึ้น 7.79 จุด (+0.23%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,210.84 จุด เพิ่มขึ้น 81.11 จุด (+0.73%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 53.15 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.53 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 32.70 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 22.63 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 6.13 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.47 จุด
ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงยกเลิกซื้อขายช่วงเช้านี้ หลังพายุ "ฮีโกส" ถล่มเกาะฮ่องกง
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ส.ค.63) 1,330.11 จุด เพิ่มขึ้น 9.20 จุด (+0.70%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 538.26 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ส.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ส.ค.63) ปิดทรงตัวที่ระดับ 42.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ส.ค.) อยู่ที่ 0.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.17 อ่อนค่าจากเย็นวานนี้ สวนทางภูมิภาค จากกังวลการเมืองในประเทศ
- ครม. อนุมัติปรับแผนก่อหนี้สาธารณะใหม่ เปิดทางคลังกู้เพิ่ม 2.1 แสนล้าน โปะงบประมาณปี 2563 เหตุ โควิด-19 ฉุดการจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า ดันยอดหนี้สาธารณะพุ่ง 8.21 ล้านล้าน สัดส่วนขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 51.64% พร้อมทั้งตัดหนี้ของบมจ.การบินไทย ออกจากแผน ก่อหนี้ฯ หลังพ้นสภาพรัฐวิสาหกิจ
- คลังเตรียมวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 1.1 แสนล้านบาท ปล่อยกู้ผ่านสถาบันการเงินของรัฐเพื่อช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี ด้าน ศบค. เผยสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย พบผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย เดินทางกลับจากต่างประเทศ รัสเซีย 2 ราย อินเดีย 1 ราย เข้าพักในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ ผู้ป่วยรักษาหายได้กลับบ้านเพิ่มอีก 1 ราย ขณะที่ ครม.เห็นชอบขยายเวลาโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ
- รมว.คมนาคมหารือผู้ประกอบการ 7 สายการบิน หลังขอซอฟต์โลนไม่คืบ เตรียมขอถกกระทรวงการคลังยื่นเงื่อนไข ใช้ใบอนุญาตเอโอแอลแปลงเป็นทุนค้ำประกันเงินกู้ พร้อมขอต่อเวลาลดภาษีน้ำมัน-ค่าบริการขึ้นลงและจอดอากาศยาน ที่จะครบกำหนดปลายปีนี้ออกไปอีก
*หุ้นเด่นวันนี้
- CKP (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า Consensus 5.40 บาท ผลประกอบการ Q2/63 ขาดทุนสุทธิ 95 ล้านบาท น้อยกว่าที่ตลาดคาด โดยผลประกอบการลดลง YoY เพราะปริมาณขายไฟฟ้าของโครงการน้ำงึม 2 (NN2) ลดลงเนื่องจากประสบภัยแล้ง ขณะที่ผลการดำเนินงานดีขึ้น QoQ เป็นเพราะรับส่วนแบ่งขาดทุนจากโครงการไซยะบุรี (XPCL) ลดลงจากปริมาณน้ำแม่โขงเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ คาดแนวโน้มผลประกอบการ Q3/63 จะพลิกกลับมากำไรได้ตามปัจจัยฤดูกาลที่มีฝนตกมากขึ้น โดยตัวเลข Water Inflow ของเขื่อนทั้ง 2 แห่ง เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสก่อนซึ่งจะส่งผลบวกต่อการผลิตไฟฟ้า
- OSP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 51 บาท คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน Q2/63 และการฟื้นตัวเป็นลักษณะ V-Shape ในครึ่งปีหลัง แรงหนุนคือ Demand ที่ฟื้นตัว การรับรู้กำลังการผลิตส่วนเพิ่มเต็มไตรมาส และภาษีสรรพสามิตสำหรับ Functional Drink ที่ลดลง
โดยคาดกำไรปี 2563-2564 เป็นขาขึ้น +21% Y-Y และ +13% Y-Y ตามลำดับ ซึ่งแข็งแกร่งสวนตลาดส่วนใหญ่ที่ถูกกระทบจากโควิด-19 ขณะที่ Valuation ซื้อขายที่ 2564PER ราว 27 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 30-35 เท่าและถูกกว่า CBG ที่ 29 เท่า
- JMT (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้าสูงสุด IAA Consensus 33 บาท คาดกำไร Q3/63 ยังทำ New high จากยอดเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้น และมีหนี้บางส่วนตัดต้นทุนหมดแล้วหนุนกำไรเพิ่มขึ้นเด่น, NPL ในตลาดพุ่งสูงเป็นโอกาสสะสมพอร์ตลูกหนี้ไว้ตักตวงในระยะยาว